วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

กฎอัยการศึก 

   

 การเปรียบเทียบ

1  พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณฉุกเฉิน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในฯ

           อํานาจในการประกาศ
 ผูบังคับบัญชาทหารซึ่งมีกําลังอยูใตบังคับไมนอยกวาหนึ่งกองพัน หรือเปนผูบังคับบัญชาในปอมหรือที่มั่นอยางใดๆ ของทหาร ณ ที่ซึ่งมีสงครามหรือจราจลเกิดขึ้น

นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอํานาจในการประกาศสถานการณ
ฉุกเฉินหรือสถานการณฉุกเฉินรายแรง เพื่อบังคับใชทั่วราชอาณาจักรหรือในบางเขตบางทองที่ตามความจําเปน และมีอํานาจในการประกาศขยายเวลาบังคับใช้

เปนอํานาจตามพระราชบัญญัติในการจัดตั้งกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน
ราชอาณาจักร(กอ.รมน.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเปนผูอํานวยการและเสนาธิการทหารบกเปนเลขาธิการ

คณะรัฐมนตรีจะมีมติมอบหมายให กอ.รมน.เปนผูรับผิดชอบในหารปองกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแกไข หรือบรรเทาเหตุการณที่กระทบตอความมั่นคงภายในฯ เหตุที่จะทําใหประกาศ

เมื่อมีสงครามหรือจลาจลขึ้น มีเหตุอันจําเปนตองรักษาความสงบเรียบรอยจากภัยซึ่งมาจากภายนอกหรือภายในราชอาณาจักร

เมื่อมีสถานการณฉุกเฉินเกิดขึ้น คือสถานการณอันกระทบหรืออาจกระทบตอความสงบเรียบรอยของประชาชนหรือเปนภัยตอความมั่นคงของรัฐ หรืออาจทําใหประเทศหรือสวนใดสวนหนึ่งของประเทศตก
อยูในภาวะคับขันหรือมีการกระทําความผิดเกี่ยวกับการกอการรายตามประมวลกฎหมายอาญา การรบหรือการสงคราม และนายกรัฐมนตรีเห็นสมควรใชกําลังเจาหนาท่ฝีายปกครองหรือตํารวจ เจาหนาที่
ฝายพลเรือนหรือเจาหนาที่ฝายทหารรวมกันปองกัน แกไข ปราบปราม ระงับยับยั้ง ฟนฟู หรือชวยเหลือประชาชน

เมื่อปรากฏเหตุการณอันกระทบตอความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แตยังไมมีความจําเปนตองประกาศสถานการณฉุกเฉิน และเหตุการณนั้นมีแนวโนมที่จะมีอยูตอไป อํานาจตามกฎหมาย
 1. เจาหนาที่ฝายทหารมีอํานาจเหนือเจาหนาที่ฝายพลเรือนในสวนที่เกี่ยวกับการยุทธ การระงับปราบปราม หรือการรักษาความสงบเรียบรอยและเจาหนาที่ฝายพลเรือนตองปฏิบัติตามความตองการของเจาหนาที่ฝายทหาร
 1. คณะกรรมการบริหารสถานการณฉุกเฉิน มีอํานาจหนาที่ติดตามและตรวจสอบเหตุการณที่เกิดขึ้น
ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่อาจเกิดสถานการณฉุกเฉินเพื่อเสนอแนะตอนายกรัฐมนตรี

 1. กอ.รมน. มีอํานาจหนาที่ดังตอไปนี้
 (1) ปองกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแกไขหรือบรรเทาเหตุการณที่กระทบตอความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามที่ไดรับมอบหมายตาม
มาตรา15 เปรียบเทียบเนื้อหากฎหมาย 3 ฉบับ, กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ความมั่นคง โดย อ.สมชาย ปรีชาศิปลกุล มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
 2. ศาลพลเรือนคงมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีไดอยางปกติ เวนแตคดีที่อยูในอํานาจของศาลอาญาศึก ใหศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งการกระทําผิดเกิดขึ้นในเขตที่ประกาศใชกฎ
อัยการศึกและในระหวางที่ใชกฎอัยการศึกตามที่ระบุไวในบัญชีตอทายพระราชบัญญัตินี้ทุกขอ หรือ
แตบางขอและหรือบางสวนของขอใดขอหนึ่งไดผูบัญชาการทหารสูงสุดจะสั่งใหพิจารณา
พิพากษาคดีอาญาใดที่เกิดขึ้นในเขตที่ประกาศใชกฎอัยการศึกมีเหตุพิเศษเก่ยวก ี ับความมั่นคงของ
ประเทศ หรือความสงบเรียบรอยของประชาชนได
3.เจาหนาที่ฝายทหารมีอํานาจเต็มที่จะตรวจคน ที่จะเกณฑ ที่จะหาม ที่จะยึด ที่จะเขาอาศัย ที่จะทําลายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ และที่จะขับไล 
กฎอัยการศึก คืออะไร ข้อห้าม อำนาจหน้าที่ มีอะไรบ้าง

(ตามพ.ร.บ.กฎอัยการศึกฉบับนี้)
2.ในเขตทองที่ที่มีการประกาศสถานการณฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีมีอํานาจเปนการชั่วคราว แทน
รัฐมนตรีวาการกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งหรือหลายกระทรวง หรือที่เปนผูรักษาการตามกฎหมายหรือที่มี
อยูตามกฎหมายใดก็ตาม เฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับ บัญชา หรือชวยในการปองกัน แกไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณฉุกเฉินหรือฟนฟูหรือชวยเหลือประชาชน เพื่อใหการสั่งการและการแกไขสถานการณเปนไปโดยมีเอกภาพรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
3.กรณีที่มีความจําเปน คณะรัฐมนตรีอาจใหมีการจัดตั้งหนวยงานพิเศษเปนการเฉพาะเพื่อปฏิบัติหนาที่ตามพระราชกําหนดนี้เป็นการชั่วคราวได
4.กรณีเปนประกาศสถานการณฉุกเฉิน
นายกรัฐมนตรีมีอํานาจออกขอกําหนด ดังตอไปนี้
 (1)หามมิใหบุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กําหนด เวนแตจะไดรับอนุญาตจาก
พนักงานเจาหนาที่ หรือเปนบุคคลซึ่งไดรับยกเวน
 (2)หามมิใหมีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทําการใดอันเปนการยุยงใหเกิดความไม
สงบเรียบรอย
 (3)หามการเสนอขาว การจําหนาย หรือทําใหแพรหลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ หรือสื่ออื่นใดที่มีขอความ
 (2) จัดทําแผนการดําเนินการตาม(1)
 และ แผนเผชิญเหตุในแตละเหตุการณที่คาดวาจะเกิดขึ้นรวมกับสํานักงานสภาความมั่นคงแหงชาติและหนวยงานของรัฐที่เกี่ยวของ เสนอตอคณะกรรมการเพื่อใหความเห็นชอบ
 (3) กํากับ ติดตาม และเรงรัดหนวยงานของรัฐและเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของใหดําเนินการ
หรือบูรณาการในการดําเนินการใหเปนไปตามแผนตาม(2)
 (4) สั่งใหเจาหนาที่ของรัฐซึ่งมีพฤติกรรมวาจะเปนภัยตอความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหรือเปนอุปสรรคตอการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรออกจากพื้นที่ที่กําหนด


2. เพื่อประโยชนในการปองกัน ปราบปราม
      ระงับ ยับยั้ง และแกไขหรือบรรเทาเหตุการณภายในพื้นที่ ใหผูอํานวยการโดยความเห็นชอบของ
คณะรัฐมนตรีมีอํานาจออกขอกําหนด ดังตอไปนี้
 (1) ใหเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติการหรืองดเวนการปฏิบัติการอยางหนึ่งอยาง
ใด
 (2) หามเขาหรือใหออกจากบริเวณพื้นที่อาคาร หรือสถานที่ที่กําหนดในหวงเวลาที่
ปฏิบัติการ เวนแตไดรับอนุญาตจากพนักงานเจาหนาที่ หรือเปนบุคคลซึ่งไดรับการยกเวน เปรียบเทียบเนื้อหากฎหมาย 3 ฉบับ, กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ความมั่นคง โดย อ.สมชาย ปรีชาศิปลกุล มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
3 อันอาจทําใหประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนขอมูลขาวสาร  ทําใหเกิดความเขาใจผิดในสถานการณฉุกเฉินจนกระทบตอความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร
 (4) หามการใชเสนทางคมนาคมหรือการใชยานพาหนะ หรือกําหนดเงื่อนไขการใชเสนทางคมนาคมหรือการใชยานพาหนะ
 (5) หามการใชอาคาร หรือเขาไปหรืออยูในสถานที่ใดๆ
 (6) ใหอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กําหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกลาว หรือหาม
ผูใดเขาไปในพื้นที่ที่กําหนด
 5. กรณีสถานการณฉุกเฉินที่มีความรายแรง
นายกรัฐมนตรีมีอํานาจดังตอไปนี้ดวย
 (1) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยวาจะเปนผูรวมกระทําการใหเกิดสถานการณฉุกเฉิน หรือเปนผูใช ผูโฆษณา ผูสนับสนุนการกระทําเชนวานั้น หรือปกปดขอมูลเกี่ยวกับการกระทําใหเกิดสถานการณฉุกเฉิน ทั้งนี้ เทาที่มีเหตุจําเปนเพื่อปองกันมิใหบุคคลนั้นกระทําการหรือรวมมือกระทําการใด ๆ อันจะทําใหเกิดเหตุการณรายแรง หรือเพื่อใหเกิดความรวมมือในการ
 (3) หามออกนอกเคหสถานในเวลาที่กําหนด
 (4) หามนําอาวุธออกนอกเคหสถาน
 (5) หามการใชเสนทางคมนาคมหรือการใชยานพาหนะ หรือกําหนดเงื่อนไขการใชเสนทางคมนาคมหรือการใชยานพาหนะ
 (6) ใหบุคคลปฏิบัติหรืองดเวนการปฏิบัติอยางหนึ่งอยางใดอันเกี่ยวกับเครื่องมือหรืออุปกรณอิเล็กทรอนิกส เพื่อปองกันอันตรายที่จะเกิดแกชีวิต รางกาย หรือทรัพยสินของประชาชน


 เปรียบเทียบเนื้อหากฎหมาย 3 ฉบับ, กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ความมั่นคง โดย อ.สมชาย ปรีชาศิปลกุล มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน 4 ระงับเหตุการณรายแรง

 (2) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจออกคําสั่งเรียกใหบุคคลใดมารายงานตัวตอพนักงานเจาหนาที่หรือมาใหถอยคําหรือสงมอบเอกสารหรือหลักฐานใดที่เกี่ยวเนื่องกับสถานการณฉุกเฉิน
 (3) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจออกคําสั่งยึดหรืออายัดอาวุธ สินคา เครื่องอุปโภคบริโภค
เคมีภัณฑ หรือวัตถุอื่นใด ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยวา ไดใชหรอจะใช ื สิ่งนั้น เพื่อการกระทําการหรือ
สนับสนุนการกระทําใหเกิดเหตุสถานการณฉุกเฉิน
 (4) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจออกคําสั่งตรวจคน รื้อ ถอน หรือทําลายซึ่งอาคาร สิ่งปลูก
สราง หรือสิ่งกีดขวาง ตามความจําเปนในการปฏิบัติหนาที่เพื่อระงับเหตุการณรายแรงใหยุติโดยเร็วและหากปลอยเนิ่นชาจะทําใหไมอาจระงับเหตุการณไดทันทวงที
 (5) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอานาจออก ํคําสั่งตรวจสอบจดหมาย หนังสือ สิ่งพิมพ โทรเลข
โทรศัพท หรือการสื่อสารดวยวิธีการอื่นใด ตลอดจนการสั่งระงับหรือยับยั้งการติดตอหรือการสื่อสารใด เพื่อปองกันหรือระงับเหตุการณรายแรง โดยตองปฏิบัติตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในกฎหมายวาดวย
การสอบสวนคดีพิเศษโดยอนุโลม
 (6) ประกาศหามมิใหกระทําการใด ๆ หรือสั่งใหกระทําการใด ๆ เทาที่จําเปนแกการรักษาความเปรียบเทียบเนื้อหากฎหมาย 3 ฉบับ, กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ความมั่นคง โดย อ.สมชาย ปรีชาศิปลกุล มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน 5 มั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ หรือความปลอดภัยของประชาชน
 (7) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจออกคําสั่งหามมิใหผูใดออกไปนอกราชอาณาจักร เมื่อมีเหตุ
อันควรเชื่อไดวาการออกไปนอกราชอาณาจักรจะเปนการกระทบกระเทือนตอความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประเทศ
 (8) ประกาศใหพนักงานเจาหนาที่มีอํานาจสั่งการใหคนตางดาวออกไปนอกราชอาณาจักร ในกรณีที่
มีเหตุอันควรเชื่อไดวาเปนผูสนับสนุนการกระทําใหเกิดสถานการณฉุกเฉิน ทั้งนี้ โดยใหนำกฎหมายว่าดวยคนเขาเมืองมาใชบังคับโดยอนุโลม
 (9) ประกาศใหการซื้อ ขาย ใช หรือมีไวในครอบครองซึ่งอาวุธ สินคา เวชภัณฑ เครื่องอุปโภคบริโภค เคมีภัณฑ หรือวัสดุอุปกรณอยางหนึ่งอยางใดซึ่งอาจใชในการกอความไมสงบหรือกอการรายตอง
รายงานหรือไดรับอนุญาตจากพนักงานเจาหนาที่หรือปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรีกําหนด

(10) ออกคําสั่งใหใชกําลังทหารเพื่อชวยเจ้าหน้าที่ฝายปกครองหรือตํารวจระงับเหตุการณรายแรง หรือควบคุมสถานการณใหเกิดความสงบโดยดวน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหนาที่ของทหารใหมีอํานาจ
หนาที่เชนเดียวกับอํานาจหนาที่ของพนักงานเจาหนาที่ตามพระราชกําหนดนี้ โดยการใชอํานาจหนาที่ของฝายทหารจะทําไดในกรณีใดไดเพียงใดใหเปนไปตามเปรียบเทียบเนื้อหากฎหมาย 3 ฉบับ, กฎอัยการศึก-พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ความมั่นคง โดย อ.สมชาย ปรีชาศิปลกุล มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
เงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่นายกรัฐมนตรีกําหนด แตตองไมเกินกวากรณีที่มีการใชกฎอัยการศึก
ความรับผิดของเจาหนาที่กรณีทําใหเกิดความเสียหาย ความเสียหายซึ่งอาจบังเกิดขึ้นอยางหนึ่งอยางใด ในเรื่องอํานาจของเจาหนาที่ฝายทหาร บุคคล หรือ บริษัทใดๆ จะรองขอคาเสียหายหรือคาปรับอยาง
หนึ่งอยางใดแกเจาหนาที่ฝายทหารไมไดเลย เพราะอํานาจทั้งปวงที่เจาหนาที่ฝายทหารไดปฏิบัติ
และดําเนินการตามกฎอัยการศึกนี้ เปนการสําหรับปองกันพระมหากษัตริย ชาติ ศาสนาดวย
กำลังทหารใหดํารงคงอยูในความเจริญรุงเรืองเปน
อิสรภาพ และสงบเรียบรอยปราศจากราชศัตรูภายนอกและภายใน

ผูไดรับความเสียหายจากการปฏิบัติหนาที่ตามพระราชกําหนดนี้ อาจมีสิทธิที่จะเรียกรองคาเสียหายจากทางราชการตามกฎหมายวาดวยความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ ในการใชอํานาจของ กอ.รมน. ปองกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแกไขหรือบรรเทาเหตุการณที่
กระทบตอความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ถากอใหเกิดความเสียหายแกประชาชนผูสุจริต ให กอ.รมน. จัดใหผูนั้นไดรับการชดเชยคาเสียหายตามควรแกกรณีตามหลักเกณฑและเงื่อนไขที่
คณะรัฐมนตรีกําหนด
กฎอัยการศึก คืออะไร ข้อห้าม อำนาจหน้าที่ มีอะไรบ้าง
ระยะเวลา บังคับใชตั้งแตประกาศ จนกระทั่งมีประกาศกระแสพระบรมราชโองการยกเลิก ใชบังคับตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีกําหนด แตตองไมเกิน3เดือนนับแตวันประกาศ ในกรณีที่มีความ
จําเปนตองขยายเวลา ขยายไดเปนคราวๆ คราวละไมเกิน 3เดือน
ตามกําหนดที่คณะรัฐมนตรีมีมติประกาศ


** สรุป
ตาม พรบ.รักษาความมั่นคงภายในฯ พนักงานเจ้าหนาที่ซึ่งปฏิบัติหน้าท ี่ภายในพื้นที่ที่กําหนด อาจไดรับคาตอบแทนพิเศษตามที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
พนักงานเจาหนาที่ซึ่งปฏิบัติหนาที่ภายในพื้นที่ที่กําหนดผูใด เจ็บปวย เสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการ หรือสูญเสียอวัยวะอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหนาที่ ให
ไดรับสิทธิประโยชนอนนอกเหนือจากที่มีกฎหมายกําหนด ทั้งน้ ีตามระเบียบที่คณะรัฐมนตรีกําหนด
//ในกฎหมายฉบับอื่นไมปรากฎ

วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประวัติส่วนตัวของโจรห้าร้อย

ข้าพระเจ้ามีนามว่า
ชื่อ นาย วิทยา      นามสกุล  อบอุ่น   เชื่อชาติ ไทย  สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ  
รหัสบัตรประจำตัวบัตรประชาชน   ๑๓๓๙๙๐๐๓๔๖๑๐๑    สถานะภาพ  โสด  ฮ่าๆ 
นรกส่งมาเกิดเมื่อ วัน พุธ  ที่ ๒๕  เดือน  พฤษภาคม   พุทธศักราช  ๒๕๓๗  อายุ ๑๒ ขวบ ( ๒๐ปี )
ข้าพเจ้าเป็นบุตร คนที่ ๔  มีพี่น้องทั้งหมด ๕ คน  ชาย ๔ คน  หญิง ๑ คน มรณะ ๑ คน  (ตาย )
ที่หลบภัยของโจรห้าร้อย   บ้านเลขที่ ๑๓ หมู่ที่ ๑๓  บ้านพิงพวยเหนือ  ตำบลพิงพวย  อำเภอศรีรัตนะ  จังหวัดศรีสะเกษ   รหัสไปรษณีย์ ๓๓๒๔๐  เบอร์โทรศัทพ์โจร  ๐๙๑๘๒๘๘๑๐๔  
ปล้นด่วนโทร ๐๙๑๓๔๒๑๗๔๖    อีเมล์ oboun5612001443@gmail.com     facebook  วิทยา อบอุ่น
ประวัติการศึกษา 
สำเร็จการจากศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

โรงเรียนศรีรัตนวิทยา อำเภอศรีรัตนะ
จังหวัดศรีสะเกษ
ปัจจุบัน  กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาตรี   ชั้นปีที่ ๑ สาขาวิชา รัฐศาสตร์  
คณะ วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง  มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ
รหัสประจำตัวนักศึกษา  ๕๖๑๒๐๐๑๔๔๓           ห้อง ๔  ตำแหน่ง  หัวหน้าห้อง ๔
ความชอบส่วนตัว
ต้นไม้ที่ชอบ        ต้นข้าว            ดอกไม้มะลิ                                  ต้นคูน(ราชพฤกษ์)  <3 <3 ^_^///
สัตว์ที่ชอบ  สุนัข ปลา
วิชาที่ชอบ  วิทยาศาสตร์  พละศึกษา
เพลงที่ชอบ เศร้าๆ  หมอรำ เพื่อชีวิต  กันตรึม(เขมร)
สิ่งที่อยากทำมากที่สุด  อยากเป็นเด็กที่โตแล้ว ฮ่าๆ ^_^///


รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศาสตร์รัฐศา