รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
--------------------------
บทนำ
“เรา” ประชาชนกัมพูชา
ตระหนักถึงอารยธรรมของความเจริญรุ่งเรือง
ความเข้มแข็ง และความรุ่งโรจน์ของ
ชาติที่แผ่กว้างไกลดังแสงเพชร
ผ่านช่วงเวลาที่ต้องอดทนต่อความยากลำบากและการล่มสลายของประเทศ
และมี
ประสบการณ์กับช่วงเวลาเสื่อมถอยของสังคมกว่าสองทศวรรษ
ถึงเวลาที่เราประชาชนกัมพูชา
จะต้องตื่นและลุกขึ้นสู้อย่างแน่วแน่
เพื่อตัดสินใจ
หาทางออกต่อปัญหาร่วมกัน
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเอกภาพของชาติ ร่วมรักษาและปกป้อง
ดินแดนและอำนาจอธิปไตยที่มีค่ายิ่งของชาติ
ร่วมอนุรักษ์อารยธรรมอังกอร์อันยิ่งใหญ่ นำกัมพูชา
กลับไปสู่ความเป็นดินแดนแห่งสันติภาพ
ภายใต้ระบบการปกครองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตยแบบ
หลายพรรค
ให้ความคุ้มครองต่อสิทธิมนุษยชนและเคารพต่อกฎหมาย และเพื่อนำไปสู่เป้ าหมายใน
การนำประเทศชาติไปสู่ความก้าวหน้า
การพัฒนา ความเจริญรุ่งเรือง และความรุ่งโรจน์
หมวด ๑
อำนาจอธิปไตย
-----------------
มาตรา
๑ กัมพูชาเป็นราชอาณาจักรอันมีพระมหากษัตริย์ปกครองตามรัฐธรรมนูญ
ตามหลักการ
ประชาธิปไตยเสรีนิยม
และหลักการพหุนิยม
ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นประเทศเอกราช
มีอธิปไตย สันติภาพ เป็นกลาง และไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
มาตรา
๒ ราชอาณาจักรกัมพูชามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและไม่สามารถละเมิดได้
ตาม
อาณาเขตที่อ้างอิงตามแผนที่
อัตราส่วน ๑
/๑๐๐, ๐๐๐ ที่จัดทำในปี ค.ศ.๑๙๓๓ - ๑๙๕๓ และได้รับ
การรับรองจากนานาชาติในปี
ค.ศ.๑๙๖๓ - ๑๙๖๙
มาตรา
๓ ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นประเทศที่จะแบ่งแยกมิได้
มาตรา
๔ คติประจำชาติของราชอาณาจักรกัมพูชา
คือ “ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์”
มาตรา ๕ ภาษาราชการ
คือ “ภาษาเขมร”
มาตรา ๖ เมืองหลวงของราชอาณาจักรกัมพูชา
คือ กรุงพนมเปญ
ธงชาติ
เพลงชาติ และตราประจำประเทศ ได้กำหนดไว้ตามผนวกแนบท้ายที่ ๑ - ๒ และ
๓
หมวด ๒
พระมหากษัตริย์
-----------------
มาตรา ๗ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ครองราชย์บัลลังก์
แต่ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจในการปกครองและ
จะไม่บริหารประเทศ
พระมหากษัตริย์ทรงดำรงประมุขของประเทศตลอดพระชนม์ชีพ
และผู้ใดจะละเมิดมิได้
มาตรา ๘ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นปึกแผ่นอันเดียวกันของชาติ
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้รับรองความเป็นเอกราชและอธิปไตยของชาติ
บูรณภาพแห่งดินแดนของ
ราชอาณาจักรกัมพูชา
เป็นผู้ปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและเป็นผู้รับรอง
สนธิสัญญาระหว่างประเทศ
มาตรา ๙ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นชี้ขาดเพื่อให้การปฏิบัติตามอำนาจของประชาชนเป็นไปอย่าง
ซื่อสัตย์
มาตรา ๑๐ ระบบกษัตริย์กัมพูชาให้เป็นการแต่งตั้ง
มาตรา ๑๑ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙
) ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถปฏิบัติ
หน้าที่ในฐานะประมุขของรัฐได้ด้วยเหตุทรงประชวรหนัก
โดยการรับรองจากแพทย์ที่ได้รับการเลือก
มาจากประธานวุฒิสภา
ประธานสภาแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ให้ประธานสภาแห่งชาติและ
ประธานวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่แทนประมุขของประเทศในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ประมุขของรัฐแทนพระมหากษัตริย์ในฐานะผู้สำเร็จ
ราชการแทนพระองค์ซึ่งทรงประชวรหนัก
ตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ให้ประธานสภาแห่งชาติเป็น
ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน
ในกรณีตามที่ระบุไว้ในวรรคก่อน
ให้บุคคลผู้มีตำแหน่งระดับสูงตามสายการปกครองดังต่อไปนี้เป็นผู้
ปฏิบัติหน้าที่ประมุขของประเทศในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
คือ
- รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง
- รองประธานสภาแห่งชาติ คนที่หนึ่ง
- รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง
- รองประธานสภาแห่งชาติ
คนที่สอง
มาตรา ๑๒ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ.๑๙๙๙) ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ทรงเสด็จสวรรคต
ให้ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่รักษาการประมุขของประเทศในฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
หากประธานวุฒิสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รักษาการประมุขของประเทศในฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการ
แทนพระองค์ได้
ให้นำบทบัญญัติใหม่ในมาตรา ๑๑ วรรคสองและวรรคสาม มาบังคับใช้
มาตรา ๑๓ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ให้สภาราชบัลลังก์เลือกพระมหากษัตริย์แห่ง
ราชอาณาจักรกัมพูชาพระองค์ใหม่
ภายในระยะเวลาเจ็ดวัน
สภาราชบัลลังก์
ประกอบด้วยบุคคล ดังต่อไปนี้
- ประธานวุฒิสภา
- ประธานสภาแห่งชาติ
- นายกรัฐมนตรี
- ประมุขสงฆ์จากฝ่ายมหานิกายและฝ่ายธรรมยุตินิกาย
- รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง และคนที่สอง
- รองประธานสภาแห่งชาติ คนที่หนึ่ง
และคนที่สอง
การจัดองค์กรและอำนาจหน้าที่ของสภาราชบัลลังก์
ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๑๔ พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
จะต้องเป็นสมาชิกของราชวงศ์ มีอายุ
ไม่ต่ำกว่า
๓๐ ปี และเป็นผู้ที่สืบสายพระโลหิตของกษัตริย์ (สมเด็จพระหริรักษ์รามาธิบดี
(นักองด้วง)
สมเด็จพระนโรดมสีหนุ
หรือสมเด็จพระสีสวัตถิ์มุนีวงศ์) การเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
พระมหากษัตริย์จะต้องทรงกล่าวปฏิญาณตน
ตามที่กำหนดไว้ในผนวกแนบท้ายที่ ๔
มาตรา ๑๕ พระมเหสีของพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชสมบัติ
จะทรงมีพระราชอิสริยยศเป็น
สมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
มาตรา ๑๖ สมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ไม่ดำรง
ตำแหน่งเป็นประมุขของประเทศ
หรือหัวหน้ารัฐบาล หรือดำรงตำแหน่งทางด้านบริหาร หรือทาง
การเมือง
สมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาจะทรงปฏิบัติภารกิจทางด้านสังคม
มนุษยธรรม และ
ศาสนา
รวมทั้ง ทรงช่วยพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจด้านพิธีการและความสัมพันธ์ทางการทูต
มาตรา ๑๗ การแก้ไขบทบัญญัติในมาตรา
๗ วรรคหนึ่ง
“พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้ครองบัลลังก์
แต่ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจในการปกครอง” จะทำการมิได้โดยเด็ดขาด
มาตรา ๑๘ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
พระมหากษัตริย์ทรงติดต่อกับรัฐสภาโดยราชสาร
วุฒิสภาและสภาแห่งชาติจะนำราชสารนั้นมาอภิปรายใดๆ
มิได้
มาตรา ๑๙ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
ตามวิธีการที่กำหนดไว้ใน
มาตรา
๑๐๐
มาตรา ๒๐ พระมหากษัตริย์ทรงมีพระบรมราชานุญาติให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเข้า
รายงานสภาวการณ์ของประเทศ
เดือนละสองครั้ง
มาตรา ๒๑ พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกา
แต่งตั้ง โยกย้าย ข้าราชการฝ่ายพลเรือนและ
ฝ่ายทหารระดับสูง
เอกอัครราชทูตหรือผู้แทนทางการทูต หรือทรงมีพระราชกฤษฎีกาให้พ้นจาก
ตำแหน่ง
ตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ
พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้ง
โยกย้าย หรือถอดถอนผู้พิพากษาตามที่คณะกรรมการ
ตุลาการสูงสุดเสนอ
มาตรา ๒๒ ใหม่
(แก้ ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
เมื่อประเทศต้องเผชิญกับอันตราย
พระมหากษัตริย์จะทรงประกาศภาวะฉุกเฉินได้ภายหลังจากทีได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี
ประธานสภาแห่งชาติ
และประธานวุฒิสภา
มาตรา ๒๓ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพกัมพูชา
ผู้บัญชาการสูงสุด
กองทัพกัมพูชาจะได้รับแต่งตั้งให้บัญชาการกองทัพ
มาตรา ๒๔ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙) พระมหากษัตริย์ทรงทำหน้าที่ประธานสภา
ป้องกันประเทศสูงสุดตามที่กฎหมายบัญญัติ
พระมหากษัตริย์ทรงประกาศสงครามได้ภายหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติและ
วุฒิสภา
มาตรา ๒๕ พระมหากษัตริย์ทรงรับอักษรสาสน์ตราตั้งจากเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนทางการทูต
วิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม
ประจำราชอาณาจักรกัมพูชา
มาตรา ๒๖ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยและให้
การรับรองสนธิสัญญาและข้อตกลงระหว่างประเทศได้โดยความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติและวุฒิสภา
มาตรา ๒๗ พระมหากษัตริย์ทรงมีสิทธิในการพระราชทานอภัยโทษบางส่วนหรือทั้งหมด
มาตรา ๒๘ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยใน
กฎหมายประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
กฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ กฎหมายที่ได้รับ
การพิจารณากลั่นกรองจากวุฒิสภา
และพระราชกฤษฎีกาที่คณะรัฐมนตรีเสนอ
ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ทรงประชวรหนักและต้องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนอกราชอาณาจักร
พระมหากษัตริย์ทรงมีสิทธิมอบอำนาจให้ผู้รักษาการแทนประมุขของรัฐ
ลงนามในกฎหมายและ
พระราชกฤษฎีกาแทน
โดยทำเป็นหนังสือ
มาตรา ๒๙
พระมหากษัตริย์ทรงสร้างและพระราชทานเหรียญตราตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ
พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานตำแหน่งทางฝ่ายพลเรือนและฝ่
ายทหาร ตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๓๐ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ ประธานวุฒิสภา
จะเป็นผู้รักษาการแทนประมุขของรัฐ
ในกรณีที่ประธานวุฒิสภา ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้
รักษาการแทนประมุขของรัฐเนื่องจากพระมหากษัตริย์ไม่อยู่
ให้ผู้รักษาการแทนประมุขของรัฐเป็นไป
ตามบทบัญญัติมาตรา
๑๑ วรรคสอง และวรรคสาม
หมวด ๓
สิทธิและหน้าที่ของชนชาวกัมพูชา
-----------------
มาตรา ๓๑ ราชอาณาจักรกัมพูชาตระหนักและเคารพสิทธิมนุษยชน
ตามที่กำหนดไว้ใน
กฎบัตรสหประชาชาติ
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อตกลงและอนุสัญญาเกี่ยวกับกับสิทธิ
มนุษยชน
สิทธิสตรี และสิทธิเด็ก
ประชาชนกัมพูชาย่อมเสมอภาคกันในกฎหมาย
มีสิทธิ เสรีภาพ และภาระหน้าที่เท่าเทียมกัน โดย
ไม่แบ่งเชื้อชาติ
สีผิว เพศ ภาษา ความเชื่อทางศาสนา ความคิดทางการเมือง ถิ่นกำเนิด ฐานะทางสังคม
ทางทรัพย์สินหรือฐานะอื่น
การใช้สิทธิและเสรีภาพของแต่ละบุคคลจะต้องไม่กระทบสิทธิและเสรีภาพ
ของบุคคลอื่น
และต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๓๒ ประชาชนกัมพูชามีสิทธิในการดำรงชีวิต
เสรีภาพส่วนบุคคล และความปลอดภัย
กัมพูชาไม่มีบทลงโทษประหารชีวิต
มาตรา ๓๓ ประชาชนกัมพูชาต้องไม่ถูกเพิกถอนสัญชาติ
เนรเทศ กักขัง จับกุม และขับออกนอก
ประเทศ
เว้นแต่ มีข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ประชาชนกัมพูชาที่อาศัยอยู่นอกราชอาณาจักรย่อมได้รับการคุ้มครองจากรัฐ
การให้สัญชาติกัมพูชาให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๓๔
ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ มีสิทธิ
เท่าเทียมกันในการออกเสียงเลือกตั้งและเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง
ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ
อายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปี มีสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง
ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ
อายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี มีสิทธิสมัครรับการเลือกตั้ง
ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ
อายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
บทบัญญัติจำกัดสิทธิออกเสียงเลือกตั้งและสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
ต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๓๕ ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ
มีสิทธิในการมีส่วนร่วมทางการเมือง เศรษฐกิจ
สังคม
และวัฒนธรรมของชาติ
การแสดงความคิดเห็นของประชาชนต้องได้รับการพิจารณาจากรัฐอย่างเต็มที่
มาตรา ๓๖ ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศ
มีสิทธิเลือกประกอบอาชีพตามความสามารถของ
ตนและตามความจำเป็นของสังคม
ประชาชนกัมพูชาโดยไม่จำกัดเพศต้องได้รับค่าจ้างที่เท่าเทียมกันในงานที่เท่ากัน
การทำงานบ้านมีค่าเช่นเดียวกับที่ได้รับเมื่อทำงานนอกบ้าน
ประชาชนกัมพูชาทุกคนมีสิทธิได้รับการประกันสังคมและสวัสดิการอื่นตามที่กฎหมายกำหนด
ประชาชนกัมพูชาทุกคนมีสิทธิจัดตั้งและเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน
การจัดตั้งและการดำเนินการสหภาพแรงงานให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๓๗ สิทธิการนัดหยุดงานและการเดินขบวนประท้วงอย่างสงบให้กระทำภายใต้กรอบของ
กฎหมาย
มาตรา ๓๘ กฎหมายห้ามมิให้มีการทารุณกรรมบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
กฎหมายให้การคุ้มครองชีวิต
เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของประชาชน
การดำเนินคดี
การจับ หรือการคุมขังบุคคลจะกระทำมิได้ เว้นแต่ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
การบังคับขู่เข็ญ
การทรมาน หรือทารุณกรรมต่อผู้ถูกคุมขังหรือนักโทษจะกระทำมิได้ บุคคลที่กระทำ
มีส่วนร่วม
หรือวางแผนกระทำการดังกล่าวจะถูกลงโทษตามกฎหมาย
การยอมรับสารภาพที่เกิดจากการบังคับทางร่างกายหรือจิตใจ
จะนำมาเป็นหลักฐานความผิดมิได้
กรณีมีเหตุสงสัย
ให้ถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลย
ผู้ต้องหาหรือจำเลยให้ถือเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิด
ประชาชนกัมพูชาทุกคนมีสิทธิขอความช่วยเหลือในทางคดีจากทนายความ
มาตรา ๓๙ ประชาชนกัมพูชามีสิทธิที่จะกล่าวโทษ
ร้องทุกข์ หรือร้องรัฐและองค์กรทางสังคมหรือ
เจ้าหน้าที่ขององค์กรนั้นให้รับผิด
เนื่องจากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การยุติข้อร้องทุกข์
และข้อเรียกร้องให้เป็นอำนาจในการพิจารณาของศาล
มาตรา ๔๐ เสรีภาพของประชาชนในการเดินทางและการตั้งถิ่นฐานโดยชอบตามกฎหมายย่อม
ได้รับการเคารพ
ประชาชนกัมพูชาย่อมมีสิทธิในการเดินทาง
การตั้งถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักร และการเดินทางกลับ
ราชอาณาจักรได้
สิทธิส่วนบุคคลในเคหะสถานและสิทธิในการติดต่อสื่อสารทางจดหมาย
โทรเลข โทรสาร เทเล็กซ์ และ
โทรศัพท์
ย่อมได้รับการคุ้มครอง
การตรวจค้นเคหสถาน
ทรัพย์สิน และร่างกาย ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา ๔๑ ประชาชนกัมพูชาย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
การพิมพ์ การโฆษณา
และการชุมนุม
การใช้สิทธิที่เป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น หรือกระทบต่อประเพณีอันดีงามของสังคม
หรือละเมิดกฎหมาย
ระเบียบ และความมั่นคงของชาติจะกระทำมิได้
การบริหารจัดการสื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๔๒ ประชาชนกัมพูชาย่อมมีสิทธิในการจัดตั้งสมาคมและพรรคการเมืองได้ตามที่
กฎหมายบัญญัติ
ประชาชนกัมพูชาย่อมมีสิทธิเข้าร่วมกับองค์กรภาคประชาชน
เพื่อประโยชน์ร่วมกันในการพิทักษ์รักษา
ไว้ซึ่งสัมฤทธิ์ภาพ
และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม
มาตรา ๔๓ ประชาชนกัมพูชาไม่ว่าเพศใด ย่อมมีเสรีภาพตามความเชื่อของตน
เสรีภาพในการถือศาสนาและการปฏิบัติตามศาสนธรรม
ย่อมได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ภายใต้เงื่อนไขว่า
เสรีภาพเช่นว่านั้นจะต้องไม่กระทบต่อความเชื่อทางศาสนาของบุคคลอื่น
หรือขัดต่อความสงบ
เรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน
ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
มาตรา ๔๔ บุคคลทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นปัจเจกบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ย่อมมีสิทธิเป็นเจ้าของ
กรรมสิทธิ์ประชาชนชาวกัมพูชาโดยเชื้อชาติและสัญชาติเท่านั้นที่มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดิน
กรรมสิทธิ์ตามกฎหมายของบุคคลย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
สิทธิการเวนคืนทรัพย์สินจากบุคคลใด
ให้กระทำได้เฉพาะเพื่อประโยชน์สาธารณะตามที่บัญญัติไว้ใน
กฎหมาย
และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมล่วงหน้าแก่เจ้าของกรรมสิทธิ์
มาตรา ๔๕ การเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบต่อสตรีต้องถูกยกเลิก
การหาประโยชน์จากสตรีอย่างไม่เป็นธรรมจะกระทำมิได้
ชายและหญิงย่อมเสมอภาคกันในทุกด้าน
โดยเฉพาะในเรื่องการสมรสและเรื่องในครอบครัว
การสมรสต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
บนพื้นฐานของหลักความยินยอมระหว่างสามี
และภรรยา
มาตรา ๔๖ การค้ามนุษย์
การใช้ให้เป็นโสเภณี หรือการกระทำลามกที่กระทบต่อชื่อเสียงของ
สตรี
จะกระทำมิได้
สตรีไม่อาจถูกให้ออกจากงานเพราะการตั้งครรภ์
สตรีมีสิทธิลาคลอดโดยได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนและ
ไม่ต้องเสียความอาวุโสหรือสิทธิประโยชน์ทางสังคมอื่น
รัฐและสังคมต้องให้โอกาสกับสตรี
โดยเฉพาะสตรีที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ทางสังคมอย่างเพียงพอ
สตรีสามารถมีงานทำ ได้รับการรักษาพยาบาล บุตรได้เข้าโรงเรียน และมี
สภาพความเป็นอยู่ที่เหมาะสม
มาตรา ๔๗ บิดามารดามีหน้าที่ในการดูแลและให้การศึกษาแก่บุตรเพื่อให้เป็นพลเมืองที่ดี
ของชาติ
บุตรมีหน้าที่ในการดูแลบิดามารดาที่อายุมากตามประเพณีของชาวกัมพูชา
มาตรา ๔๘ รัฐต้องคุ้มครองสิทธิเด็กตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
โดยเฉพาะสิทธิ
ในการดำรงชีวิต
การศึกษา การคุ้มครองในภาวะสงคราม และการคุ้มครองจากการแสวงหาประโยชน์
ทางเศรษฐกิจและทางเพศ
รัฐต้องให้คามคุ้มครองเด็กจากการกระทำที่เป็นอันตรายต่อโอกาสทางการศึกษา
สุขภาพ และ
สวัสดิการของเด็ก
มาตรา ๔๙ ประชาชนกัมพูชาทุกคนต้องเคารพต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น
ประชาชนกัมพูชาทุกคนมีหน้าที่เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชาติและการปกป้องประเทศ
หน้าที่ป้องกันประเทศให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา ๕๐ ประชาชนกัมพูชาไม่ว่าเพศใดต้องเคารพต่อหลักอธิปไตยของชาติและหลักเสรี
ประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมือง
ประชาชนกัมพูชาไม่ว่าเพศใดต้องเคารพต่อทรัพย์สินของรัฐและทรัพย์สินของเอกชนที่ได้มาโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย
หมวด ๔
นโยบาย
-----------------
มาตรา ๕๑ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ราชอาณาจักรกัมพูชามีนโยบายเสรีนิยม
ประชาธิปไตย
และพหุนิยม
ประชาชนกัมพูชาถือเป็นเจ้าของของประเทศ
อำนาจทั้งปวงเป็นของประชาชน
ประชาชนใช้อำนาจผ่านทางสภาแห่งชาติ วุฒิสภา รัฐบาล และศาล
อำนาจนิติบัญญัติ
อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ แยกออกจากกัน
มาตรา ๕๒ รัฐบาลกัมพูชาต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งเอกราช
อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของ
ราชอาณาจักรกัมพูชา
มีนโยบายการปรองดองแห่งชาติ เพื่อความเป็นเอกภาพของชาติ และอนุรักษ์
ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาติ
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาต้องคุ้มครองและรักษาไว้
ซึ่งกฎหมาย
และดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน รัฐต้องให้
ความสำคัญกับความพยายามในการปรับปรุงสวัสดิการและมาตรฐานการครองชีพของประชาชนเป็น
ลำดับแรก
มาตรา ๕๓ ราชอาณาจักรกัมพูชายึดถือนโยบายเป็นกลางและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอย่างถาวร
ราชอาณาจักรกัมพูชาจะปฏิบัติตามนโยบายอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านและกับทุก
ประเทศทั่วโลก
ราชอาณาจักรกัมพูชาจะไม่รุกรานชาติใด
และไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติอื่น ไม่ว่าโดยทางตรง
หรือทางอ้อม
และจะแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน
ราชอาณาจักรกัมพูชาจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารหรือทำข้อตกลงสัญญาทางทหารใดๆ
ซึ่งขัด
ต่อนโยบายเป็นกลาง
ราชอาณาจักรกัมพูชาจะไม่ยินยอมให้ต่างชาติเข้ามาจัดตั้งฐานทัพในดินแดนของกัมพูชา
และจะไม่ไป
ตั้งฐานทัพของกัมพูชานอกราชอาณาจักร
เว้นแต่ ภายใต้กรอบการร้องขอของสหประชาชาติ
ราชอาณาจักรกัมพูชามีสิทธิรับความช่วยเหลือด้านยุทโธปกรณ์ทางทหาร
อาวุธยุทธภัณฑ์ ดินระเบิด
ในการฝึกกำลังทางทหาร
และความช่วยเหลืออื่นจากต่างชาติ เพื่อการป้องกันตนเองและรักษาความ
สงบเรียบร้อยของประชาชนและความมั่นคงภายในของรัฐ
มาตรา ๕๔ การผลิต
การใช้ และการเก็บรักษาอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเคมี หรืออาวุธชีวภาพ
จะกระทำมิได้โดยเด็ดขาด
มาตรา ๕๕ สนธิสัญญาหรือข้อตกลงใดที่ขัดต่อความเป็นเอกราช
อธิปไตย บูรณภาพแห่ง
ดินแดน
ความเป็นกลาง และเอกภาพของราชอาณาจักรกัมพูชา ให้ถือเป็นโมฆะ
หมวด ๕
เศรษฐกิจ
-----------------
มาตรา ๕๖ ราชอาณาจักรกัมพูชาใช้ระบบเศรษฐกิจการตลาด
การเตรียมการและกระบวนการ
ของระบบเศรษฐกิจนี้ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๕๗ การจัดเก็บภาษีอากรให้เป็นไปตามกฎหมาย
งบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปตามที่
กฎหมายกำหนด
การบริหารระบบการเงินและการคลังให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๕๘ ทรัพย์สินของรัฐ
ประกอบด้วย ที่ดิน ทรัพยากรแร่ธาตุ ภูเขา ทะเล สิ่งที่อยู่ใต้น้ำไหล่
ทวีป
ชายฝั่ง น่านฟ้ า เกาะ แม่น้ำ คลอง ลำธาร ทะเลสาบ ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติ ศูนย์เศรษฐกิจและ
วัฒนธรรม
ฐานทัพเพื่อการป้องกันประเทศ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นให้กำหนดเป็นทรัพย์สิน
ของรัฐ
การควบคุม การใช้ และการบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๕๙ รัฐต้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
และมีการวางแผนอย่างจริงจังเพื่อการบริหารจัดการที่ดิน
น้ำ อากาศ ลม ธรณีวิทยา ระบบนิเวศ แร่ธาตุ
พลังงาน
ปิโตรเลียมและก๊าซ หินและทราย เพชร ป่าและผลิตภัณฑ์จากป่า สัตว์ป่า สัตว์น้าและ
ทรัพยากรทางทะเล
มาตรา ๖๐ ประชาชนกัมพูชามีสิทธิในการขายผลผลิตของตน
การผูกมัดประชาชนให้ขายผลผลิต
กับรัฐหรือการใช้ทรัพย์สินส่วนบุคคลหรือทรัพย์สินของรัฐชั่วคราว
จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจ
ตามกฎหมายภายใต้สถานการณ์พิเศษ
มาตรา ๖๑ รัฐพึงให้การสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนและพื้นที่ห่างไกล
โดยเฉพาะ
ด้านเกษตรกรรม
หัตถกรรม อุตสาหกรรม ตลอดจนให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการชลประทาน
ไฟฟ้
า ถนน รวมทั้ง การขนส่ง เทคโนโลยีทันสมัย และระบบสินเชื่อ
มาตรา ๖๒ รัฐพึงให้ความสำคัญและความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาผลผลิต
การประกันราคา
ผลผลิตของชาวนา
ช่างฝีมือ และจัดหาตลาดสำหรับการขายผลผลิตเหล่านั้น
มาตรา ๖๓ รัฐต้องให้ความสำคัญกับการจัดการการตลาด
เพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพ
ของประชาชนให้ดีขึ้น
มาตรา ๖๔ รัฐต้องสั่งห้ามและลงโทษอย่างรุนแรงต่อผู้ที่นำเข้า
ผลิต และจำหน่ายยาที่ผิดกฎหมาย
ปลอมแปลงและจำหน่ายสินค้าหมดอายุ
ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของผู้บริโภค
หมวด ๖
การศึกษา สังคม และวัฒนธรรม
-----------------
มาตรา ๖๕ รัฐต้องคุ้มครองและยกระดับสิทธิในการศึกษาของประชาชนให้มีคุณภาพในทุกระดับ
และจำเป็นต้องทำสิ่งที่สำคัญ
เพื่อจัดการศึกษาที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง
รัฐให้ความสำคัญด้านการพละศึกษาและการกีฬาเพื่อสวัสดิภาพของประชาชนกัมพูชา
มาตรา ๖๖ รัฐต้องจัดระบบการศึกษาที่ครอบคลุมและมีมาตรฐานอย่างทั่วถึงตามหลักเสรีภาพ
และคุณภาพด้านการศึกษา
เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการหาเลี้ยงชีพ
มาตรา ๖๗ รัฐต้องมีโครงการด้านการศึกษาตามหลักการสอนสมัยใหม่
รวมทั้ง ด้านเทคโนโลยี
และภาษาต่างประเทศ
รัฐต้องควบคุมคุณภาพโรงเรียนของรัฐและเอกชนและชั้นเรียนในทุกระดับ
มาตรา ๖๘ รัฐต้องจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาให้กับประชาชนทุกคน
ในโรงเรียนของรัฐ
โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ประชาชนต้องได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่าเก้าปี
รัฐต้องเผยแพร่และพัฒนาโรงเรียนสอนภาษาบาลีและสถาบันพระพุทธศาสนา
มาตรา ๖๙ รัฐต้องรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติ
รัฐต้องคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ภาษาเขมร
รัฐต้องรักษาโบราณ อนุสาวรีย์ และบูรณะซ่อมแซมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
มาตรา ๗๐ การกระทำผิดที่มีผลกระทบต่อมรดกทางศิลปวัฒนธรรมจะต้องได้รับการลงโทษ
อย่างรุนแรง
มาตรา ๗๑ บริเวณโดยรอบของสถานที่ที่เป็นมรดกของชาติ
รวมทั้ง สถานที่ที่ได้รับการขึ้น
ทะเบียนเป็นมรดกโลก
ให้ถือเป็นเขตพื้นที่ปลอดจากการปฏิบัติการทางทหาร
มาตรา ๗๒ สุขภาพของประชาชนต้องได้รับการคุ้มครอง
รัฐต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันโรค
และการรักษาพยาบาล
ประชาชนที่ยากจนต้องมีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลของรัฐ
สถานพยาบาล
และสถานผดุงครรภ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
รัฐต้องจัดให้มีสถานพยาบาลและสถานผดุงครรภ์ในเขตพื้นที่ชนบท
มาตรา ๗๓ รัฐต้องให้ความสำคัญกับแม่และเด็ก
รัฐต้องจัดให้มีสถานรับเลี้ยงเด็กและช่วยเหลือ
หญิงและเด็กที่ขาดแคลน
มาตรา ๗๔ รัฐต้องให้ความช่วยเหลือต่อผู้พิการและครอบครัวผู้ที่เสียสละชีวิตเพื่อปกป้อง
ประเทศชาติ
มาตรา ๗๕ รัฐต้องจัดให้มีระบบประกันสังคมให้กับแรงงานและลูกจ้าง
หมวด ๗
สภาแห่งชาติ
-----------------
มาตรา ๗๖ สภาแห่งชาติประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบคน
สมาชิกสภาแห่งชาติมาจากการเลือกตั้งโดยอิสระ
ทั่วไป เสมอภาค และด้วยวิธีการลงคะแนนเสียง
โดยตรงและลับ
สมาชิกสภาแห่งชาติอาจได้รับการเลือกตั้งใหม่ได้
ประชาชนชาวกัมพูชาที่จะสมัครรับเลือกตั้ง
ต้องเป็นชาวกัมพูชาไม่ว่าเพศใด ที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี
และมีสัญชาติกัมพูชาโดยการเกิด
การเตรียมการเลือกตั้ง
วิธีการและกระบวนการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
มาตรา ๗๗ สมาชิกสภาแห่งชาติเป็นตัวแทนของประชาชนกัมพูชาทั้งประเทศ
ไม่ใช่เป็นตัวแทน
เฉพาะประชาชนในเขตเลือกตั้งเท่านั้น
อาณัติใดที่เกิดจากการบังคับ
ให้ถือเป็นโมฆะ
มาตรา ๗๘ อายุของสภาแห่งชาติมีกำหนดคราวละห้าปี
และสิ้นสุดวาระในวันที่มีการประชุมสภา
แห่งชาติชุดใหม่
ก่อนครบกำหนดวาระ
ห้ามมิให้มีการยุบสภาแห่งชาติ เว้นแต่รัฐบาลจะถูกถอดถอนสองครั้งภายใน
ระยะเวลาสิบสองเดือน
ในกรณีนี้ตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี และโดยความเห็นชอบของประธาน
สภาแห่งชาติ
พระมหากษัตริย์จะทรงยุบสภาได้
การเลือกตั้งสภาแห่งชาติชุดใหม่ต้องดำเนินการภายใน
๖๐ วันนับแต่วันยุบสภา ในระหว่างยุบสภา
ให้รัฐบาลมีอำนาจหน้าที่เฉพาะที่เป็นการปฏิบัติงานประจำเท่านั้น
ในภาวะสงครามหรือสถานการณ์พิเศษอื่นใด
ซึ่งทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติไม่สามารถ
ดำเนินการได้
สภาแห่งชาติอาจขยายวาระของสภาออกไปได้ครั้งละหนึ่งปี ทั้งนี้ โดยคำขอของ
พระมหากษัตริย์
การขยายวาระดังกล่าวต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกสภา
แห่งชาติทั้งหมด
มาตรา ๗๙ อาณัติของสภาแห่งชาติ
ต้องไม่ขัดกับการคงไว้ซึ่งบทบาทหน้าที่สาธารณะหรือ
หลักการห้ามเป็นสมาชิกในสถาบันอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
เว้นแต่ สมาชิกสภาแห่งชาติจะ
ได้ไปดำรงตำแหน่งในคณะรัฐบาล
ในกรณีดังกล่าว
สมาชิกสภาแห่งชาติผู้นั้น จะยังคงดำรงสมาชิกภาพสมาชิกสภาแห่งชาติ แต่ไม่สามารถ
ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการถาวรและคณะกรรมาธิการอื่นของสภาแห่งชาติได้
มาตรา ๘๐ สมาชิกสภาแห่งชาติย่อมได้รับความคุ้มกันทางรัฐสภา
สมาชิกสภาแห่งชาติจะถูกฟ้องร้อง
คุมขัง หรือจับกุม เพราะเหตุแห่งการแสดงความคิดเห็นในระหว่าง
ปฏิบัติหน้าที่มิได้
การดำเนินคดี
จับกุม หรือคุมขังสมาชิกสภาแห่งชาติในระหว่างสมัยประชุม จะกระทำได้แต่โดยความ
ยินยอมของสภาแห่งชาติ
หรือของคณะกรรมาธิการถาวรของสภาแห่งชาติเท่านั้น เว้นแต่ ในกรณีที่
เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า
ในกรณีนี้ ให้ผู้มีอำนาจรายงานต่อสภาแห่งชาติหรือคณะกรรมาธิการ
ถาวรเพื่อพิจารณาโดยทันที
การพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมาธิการถาวรของสภาแห่งชาติให้เสนอต่อสภาแห่งชาติเพื่อพิจารณา
ในสมัยประชุมคราวถัดไป
มติเห็นชอบต้องมีคะแนนเสียงข้างมากสองในสามของจำนวนสมาชิกสภา
แห่งชาติทั้งหมด
การคุมขังหรือดำเนินคดีกับสมาชิกสภาแห่งชาติจะถูกระงับ
โดยมติเสียงข้างมากสามในสี่ของจำนวน
สมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด
มาตรา ๘๑ สภาแห่งชาติมีงบประมาณอิสระ
เพื่อการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของสภา
สมาชิกสภาแห่งชาติพึงได้รับค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่
มาตรา ๘๒ สภาแห่งชาติต้องมีการเปิดประชุมสภาแห่งชาติครั้งแรกภายในหกสิบวันหลังจากการ
เลือกตั้ง
ตามที่พระมหากษัตริย์ทรงแจ้ง
ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่
สภาแห่งชาติจะพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของสมาชิกภาพของสมาชิก
แต่ละคน
และลงมติเลือกประธานสภาแห่งชาติหนึ่งคน รองประธานสภาแห่งชาติ และสมาชิก
คณะกรรมาธิการแต่ละคณะ
โดยคะแนนเสียงข้างมากสองในสาม
สมาชิกสภาแห่งชาติทุกคนต้องปฏิญาณตนก่อนเข้ารับตำแหน่งด้วยถ้อยคำที่กำหนดไว้ในผนวกแนบ
ท้ายที่
๕
มาตรา ๘๓ สภาแห่งชาติจะมีการประชุมสมัยสามัญปีละสองสมัย
ในแต่ละสมัยประชุม
ให้มีกำหนดระยะเวลาอย่างน้อยสามเดือน ในกรณีที่พระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรี
หรือสมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทังหมด ร้อง
ขอให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญ
ให้คณะกรรมาธิการถาวรของสภาแห่งชาติเรียกประชุมสมัยวิสามัญ
ของสภาแห่งชาติได้
ระเบียบวาระการประชุมของการประชุมสมัยประชุมวิสามัญ
จะต้องเผยแพร่ต่อประชาชน พร้อมกับ
กำหนดวันเวลาการประชุม
มาตรา ๘๔ ในระหว่างปิดสมัยประชุมของสภาแห่งชาติ
ให้คณะกรรมาธิการถาวรของสภา
แห่งชาติจัดการงานของสภาแห่งชาติ
คณะกรรมาธิการถาวรของสภาแห่งชาติ
ประกอบด้วย ประธานสภาแห่งชาติ รองประธานสภาแห่งชาติ
และประธานคณะกรรมาธิการของสภาแห่งชาติ
มาตรา ๘๕ การประชุมของสภาแห่งชาติจะจัดขึ้น
ณ Royal
Capital of Cambodia ในหอประชุม
รัฐสภาแห่งกัมพูชา (Assembly Hall) เว้นแต่ ได้มีการกำหนดให้เรียกประชุมในสถานที่อื่นเนื่องจากมี
สถานการณ์พิเศษ
การจัดประชุมสภาแห่งชาตินอกจากสถานที่ที่กำหนดไว้ข้างต้น
และในสถานที่และวันที่กำหนด ให้ถือ
เป็นการจัดประชุมที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ
มาตรา ๘๖ ในกรณีที่ประเทศอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
สภาแห่งชาติจะมีการประชุมติดต่อกัน
ทุกวัน
สภาแห่งชาติมีสิทธิประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศได้เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะ
ปกติ
ในกรณีที่สภาแห่งชาติไม่สามารถมีการประชุมได้เนื่องจากเกิดสถานการณ์
อาทิ การถูกยึดครองโดย
กองกำลังต่างชาติ
ให้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศขยายระยะเวลาออกไปโดยอัตโนมัติ
ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ห้ามมิให้มีการยุบสภาแห่งชาติ
มาตรา ๘๗ ประธานสภาแห่งชาติจะทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภาแห่งชาติ
รับร่างกฎหมาย
และมติที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ
ดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุม และ
ดำเนินการด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ในกรณีที่ประธานสภาแห่งชาติไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากป่วย
หรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติ
หน้าที่ประมุขของรัฐชั่วคราวหรือเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
หรือมีภารกิจนอกราชอาณาจักร
ให้รองประธานสภาแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาแห่งชาติ
ในกรณีที่ประธานหรือรองประธานสภาแห่งชาติลาออกหรือตาย
สภาแห่งชาติต้องจัดให้มีการเลือก
ประธานสภาแห่งชาติหรือรองประธานสภาแห่งชาติใหม่
มาตรา ๘๘ การประชุมของสภาแห่งชาติต้องประชุมโดยเปิดเผย
ในระหว่างปิดสมัยประชุม
สภาแห่งชาติจะมีการประชุมได้ หากได้รับการร้องขอจากประธานสภา
แห่งชาติ
หรือสมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติ
ทั้งหมด
จากพระมหากษัตริย์ หรือจากนายกรัฐมนตรี
การประชุมสภาแห่งชาติต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดในสิบของจำนวนสมาชิกสภา
แห่งชาติทั้งหมด
จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม
มาตรา ๘๙ สมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด
สามารถเสนอ
ให้สภาแห่งชาติเชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาชี้แจงประเด็นปัญหาที่สำคัญต่อที่ประชุมสภาแห่งชาติได้
มาตรา ๙๐ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
สภาแห่งชาติเป็นองค์กรที่มีอำนาจนิติบัญญัติ
และปฏิบัติหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
อำนาจดังกล่าวนี้ไม่สามารถโอนให้กับ
องค์กรหรือบุคคลอื่นใดได้
สภาแห่งชาติต้องให้ความเห็นชอบงบประมาณแผ่นดิน
โครงการของรัฐ การกู้เงิน สัญญาทางการเงิน
และการกำหนด
การเปลี่ยนแปลง หรือการยกเลิกภาษีอากร
สภาแห่งชาติต้องให้ความเห็นชอบพิจารณาและตรวจสอบบัญชีภาครัฐ
สภาแห่งชาติต้องให้ความเห็นชอบกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมทั่วไป
สภาแห่งชาติต้องให้ความเห็นชอบหรือยกเลิกสนธิสัญญาและอนุสัญญาระหว่างประเทศ
สภาแห่งชาติต้องให้ความเห็นชอบกฎหมายว่าด้วยการประกาศสงคราม
มติให้ความเห็นชอบในเรื่องดังกล่าวให้ใช้เสียงข้างมากโดยเด็ดขาดของจำนวนสมาชิกทั้งหมดของ
สมาชิกสภาแห่งชาติ
สมาชิกสภาแห่งชาติต้องมีมติไว้วางใจรัฐบาลจำนวนสองในสามของสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด
มาตรา ๙๑ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาแห่งชาติ และ
นายกรัฐมนตรี
เป็นผู้มีสิทธิในการเสนอกฎหมาย
สมาชิกสภาแห่งชาติมีสิทธิในการเสนอแก้ไขกฎหมายได้
แต่การเสนอนั้นต้องไม่มีเป้าหมายเพื่อลด
รายได้สาธารณะหรือเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชน
มาตรา ๙๒ กฎหมายใดที่สภาแห่งชาติให้ความเห็นชอบแล้ว
หากขัดกับหลักการรักษาไว้ซึ่งความ
เป็นเอกราชและอธิปไตยของชาติ
บูรณภาพแห่งดินแดน และกระทบต่อเอกภาพทางการเมืองหรือ
การบริหารของชาติ
ให้ถือเป็นโมฆะ ทั้งนี้ คณะกรรมการรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรเดียวที่มีอำนาจ
พิจารณาวินิจฉัยว่าด้วยการเป็นโมฆะนั้น
มาตรา ๙๓
ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ.
๑๙๙๙) กฎหมายที่สภาแห่งชาติและวุฒิสภาให้ความ
เห็นชอบ
และพระมหากษัตริย์ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้บังคับแล้ว ให้มีผลใช้บังคับ
ในกรุงพนมเปญภายในสิบวัน
และมีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักรภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่ลง
พระปรมาภิไธย
กฎหมายที่เร่งด่วนให้มีผลใช้บังคับทั่วราชอาณาจักรทันทีภายหลังการประกาศใช้บังคับ
กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว
ให้ลงพิมพ์ในราชกิจจาอุเบกขาและ
ประกาศให้ประชาชนทั่วราชอาณาจักรทราบ
มาตรา ๙๔ สภาแห่งชาติต้องจัดตั้งคณะกรรมาธิการต่างๆ
ที่จำเป็น การจัดองค์กรและอำนาจ
หน้าที่ของสภาแห่งชาติให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของสภาแห่งชาติ
มาตรา ๙๕ ในกรณีที่สมาชิกสภาแห่งชาติตาย
ลาออก หรือถูกถอดถอน และวาระของสมาชิกสภา
แห่งชาตินั้นยังเหลืออยู่อย่างน้อยหกเดือน
ให้มีการแต่งตั้งสมาชิกใหม่ขึ้นมาแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามข้อบังคับของสภาแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
มาตรา ๙๖ สมาชิกสภาแห่งชาติมีสิทธิตั้งกระทู้ถามรัฐบาล การตั้งกระทู้ถามให้เสนอเป็นหนังสือ
ยื่นต่อประธานสภาแห่งชาติ
การตอบกระทู้ถามให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นเป็นผู้ตอบ
หากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
ทั้งหมดของรัฐบาล
ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบกระทู้ถามนั้นด้วยตัวเอง
การชี้แจงของรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีให้ทำด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษร
การชี้แจงต้องกระทำภายในเจ็ดวันนับจากวันที่ได้รับกระทู้ถาม
กรณีการตอบกระทู้ถามด้วยวาจา
ให้ประธานสภาแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาว่าจะให้มีการอภิปรายซักถาม
หรือไม่
ในกรณีที่ไม่มีการอภิปราย คำตอบของรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีจะได้รับการพิจารณาให้ถือ
เป็นที่สุด
หากเป็นกรณีที่มีการอภิปราย ผู้ยื่นกระทู้ ผู้อภิปรายอื่น รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี
อาจมี
การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ภายในกรอบเวลาที่ไม่เกินหนึ่งการประชุมครั้งนั้น
สภาแห่งชาติจะจัดให้มีการถามและการตอบกระทู้ถามทุกสัปดาห์
สัปดาห์ละหนึ่งวัน และจะไม่มีการ
ลงมติไม่ว่าในวาระกระทู้ถาม
มาตรา ๙๗ คณะกรรมาธิการของสภาแห่งชาติอาจเชิญรัฐมนตรีมาชี้แจงในประเด็นที่รัฐมนตรี
ผู้นั้นมีหน้าที่รับผิดชอบได้
มาตรา ๙๘ สภาแห่งชาติสามารถถอดถอนสมาชิกสภาแห่งชาติ
รัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี ออก
จากตำแหน่งได้
โดยการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ และมติไม่ไว้วางใจมีคะแนนเสียงมากกว่าสองในสาม
สมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบคน
มีสิทธิเสนอญัตติไม่ไว้วางในรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
ต่อสภาแห่งชาติ
หมวด ๘
วุฒิสภา
-----------------
มาตรา ๙๙ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
วุฒิสภาเป็นองค์กรที่มีอำนาจนิติบัญญัติและ
ปฏิบัติหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งมีจำนวนไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด
สมาชิกวุฒิสภามาจากการแต่งตั้ง
และการเลือกตั้งทั่วไป
สมาชิกวุฒิสภาสามารถได้รับการแต่งตั้งและเลือกตั้งใหม่ได้
มาตรา ๑๐๐ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
พระมหากษัตริย์ทรงเสนอชื่อสมาชิกวุฒิสภา
จำนวนสองคน
สภาแห่งชาติเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
จำนวนสองคน โดยมติเสียงข้างมาก
สมาชิกวุฒิสภาอื่นมาจากการเลือกตั้งทั่วไป
มาตรา ๑๐๑ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
การจัดองค์กรและวิธีการดำเนินการเกี่ยวกับการ
เสนอชื่อและการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
การกำหนดผู้เลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้ง
ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
มาตรา ๑๐๒ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
สมาชิกวุฒิสภามีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ
หกปี
และสิ้นสุดวาระเมื่อสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่เข้ารับหน้าที่แทน
ในกรณีที่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไม่สามารถมีขึ้นได้เนื่องจากเกิดสงครามหรือมีสถานการณ์พิเศษ
วุฒิสภาสามารถขยายวาระของวุฒิสภาออกไปได้ครั้งละหนึ่งปี
ทั้งนี้ โดยคำขอของพระมหากษัตริย์
การขยายวาระดังกล่าว
ต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา
ทั้งหมด
ในสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น
ให้วุฒิสภามีการประชุมทุกวัน วุฒิสภามีสิทธิยกเลิกสถานการณ์ดังกล่าว
หากมีเหตุผลสมควร
ในกรณีที่วุฒิสภาไม่สามารถดำเนินการประชุมได้เนื่องจากถูกยึดครองโดยกองกำลังต่างชาติ
ให้การ
ประกาศภาวะฉุกเฉินมีผลต่อไปโดยอัตโนมัติ
มาตรา ๑๐๗ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
วุฒิสภาจะมีการประชุมสมัยสามัญของวุฒิสภาปี
ละสองสมัย
ในแต่ละสมัยประชุมให้มีกำหนดระยะเวลาอย่างน้อยสามเดือน
ในกรณีที่พระมหากษัตริย์
นายกรัฐมนตรี หรือสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของสมาชิก
วุฒิสภาทั้งหมด
ร้องขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ ให้คณะกรรมาธิการถาวรของวุฒิสภาเรียกประชุม
สมัยวิสามัญของวุฒิสภาได้
มาตรา ๑๐๘ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ในระหว่างปิดสมัยการประชุมของวุฒิสภา
ให้คณะกรรมาธิการถาวรของวุฒิสภาจัดการงานของวุฒิสภา
คณะกรรมาธิการถาวรของวุฒิสภา
ประกอบด้วย ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา และประธาน
คณะกรรมาธิการของวุฒิสภา
มาตรา ๑๐๙ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
การประชุมของวุฒิสภาจะจัดขึ้น ณ Royal
Capital
of Cambodia ในหอประชุมวุฒิสภาแห่งกัมพูชา (Senate Hall) เว้นแต่ มีการกำหนดให้
เรียกประชุมในสถานที่อื่นเนื่องจากมีสถานการณ์พิเศษ
การจัดประชุมวุฒิสภาสภานอกจากสถานที่ที่กำหนดไว้ข้างต้นและในสถานที่และวันที่กำหนด
ให้ถือ
เป็นการจัดประชุมที่ผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ
มาตรา ๑๑๐ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ประธานวุฒิสภาจะทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
วุฒิสภา
รับร่างกฎหมายและมติที่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับ
การประชุม
และดำเนินการด้านความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ในกรณีที่ประธานวุฒิสภาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากป่วย
หรือต้องทำหน้าที่ประมุขของรัฐ
ชั่วคราว
หรือเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หรือมีภารกิจนอกราชอาณาจักร ให้รองประธาน
วุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา
ในกรณีที่ประธานหรือรองประธานวุฒิสภาลาออกหรือตาย
วุฒิสภาต้องจัดให้มีการเลือกประธานสภา
และรองประธานวุฒิสภาใหม่
มาตรา ๑๑๑ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
การประชุมของวุฒิสภาต้องประชุมโดยเปิดเผย
ระหว่างปิดสมัยประชุม
วุฒิสภาจะมีการประชุมได้ หากได้รับการร้องขอจากประธานวุฒิสภา หรือ
สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด
จากพระมหากษัตริย์
หรือจากนายกรัฐมนตรี- ๔๐
การประชุมวุฒิสภาต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดในสิบของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา
ทั้งหมด
จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม
จำนวนคะแนนเสียงในการลงมติของสภาแห่งชาติตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ให้นำมาใช้กับการลง
มติของวุฒิสภาด้วย
มาตรา ๑๑๒ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
วุฒิสภามีหน้าที่ประสานงานระหว่างสภาแห่งชาติ
และรัฐบาล
มาตรา ๑๑๓ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
วุฒิสภาต้องพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะร่าง
กฎหมาย
หรือกฎหมายที่สภาแห่งชาติได้ลงมติเห็นชอบ และเรื่องอื่นๆ ที่สภาแห่งชาติเสนอภายใน
ระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน
หากมีกรณีฉุกเฉิน ให้ลดระยะเวลาลงเหลือเจ็ดวัน
ในกรณีที่วุฒิสภาได้ให้ความเห็นชอบ
หรือไม่ให้ความเห็นชอบแต่ไม่อยู่ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้
ประกาศใช้กฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติแล้วนั้น
ในกรณีที่วุฒิสภามีการแก้ไขร่างกฎหมายและกฎหมายที่สภาแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
ให้สภา
แห่งชาติยกร่างกฎหมายและกฎหมายนั้นขึ้นพิจารณาใหม่ได้ทันที
สภาแห่งชาติจะพิจารณาและวินิจฉัย
ว่าจะตัดบทบัญญัตินั้นออกทั้งหมดหรือแต่โดยบางส่วนหรือไม่
หรือเห็นชอบด้วยกับการแก้ไขที่
วุฒิสภาเสนอ
การแก้ไขร่างกฎหมายหรือกฎหมายระหว่างวุฒิสภาและสภาแห่งชาติให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน
ระยะเวลาหนึ่งเดือน
หากเป็นร่างกฎหมายงบประมาณแผ่นดินหรือเกี่ยวกับการเงิน ให้ลดระยะเวลา
ลงเหลือสิบวัน
หากเป็นกรณีเร่งด่วนให้ลดระยะเวลาลงเหลือสองวัน
ในกรณีที่สภาแห่งชาติได้ยับยังร่างกฎหมายไว้เป็นระยะเวลาเกินกว่าที่กำหนดหรือพิจารณา
ร่างกฎหมายล่าช้า
ให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขร่างกฎหมายออกไป เพื่อให้ทั้งสองสภา
มีระยะเวลาในการพิจารณาร่างกฎหมายเท่ากัน
ในกรณีที่วุฒิสภามีมติไม่รับร่างกฎหมายหรือกฎหมายที่เสนอโดยสภาแห่งชาติ
สภาแห่งชาติจะยกร่าง
กฎหมายหรือกฎหมายที่เสนอนั้นขึ้นพิจารณาใหม่ก่อนครบระยะเวลาหนึ่งเดือนมิได้
ในกรณีที่เป็น
กฎหมายงบประมาณแผ่นดินหรือเกี่ยวกับการเงิน
ให้ลดระยะเวลาลงเหลือสิบห้าวัน และหากเป็นกรณี
เร่งด่วน
ให้ลดระยะเวลาลงเหลือสี่วัน
ในการพิจารณาร่างกฎหมายหรือกฎหมายที่เสนอใหม่
ให้สภาแห่งชาติมีมติเห็นชอบด้วยการ
ลงคะแนน
โดยเปิดเผยด้วยคะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาด
ร่างกฎหมายหรือกฎหมายที่เสนอโดยสภาแห่งชาติที่มีมติเห็นชอบด้วยวิธีการดังกล่าวข้างต้น
ให้
ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้
มาตรา ๑๑๔ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
วุฒิสภาต้องจัดตั้งคณะกรรมาธิการตามความ
จำเป็น
การจัดองค์กรและอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภาให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของวุฒิสภา
ข้อบังคับของวุฒิสภาต้องมีมติเห็นชอบด้วยด้วยคะแนนเสียงข้างมากสองในสามของจำนวนสมาชิก
วุฒิสภาทั้งหมด
มาตรา ๑๑๕ ใหม่
(แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ในกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาตาย ลาออก หรือถูก
ถอดถอน
และวาระของสมาชิกวุฒิสภานั้นยังเหลืออยู่อย่างน้อยหกเดือน ให้มีการแต่งตั้งหรือเลือกตั้ง
สมาชิกวุฒิสภาแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อบังคับของวุฒิสภาและกฎหมายว่าด้วยการ
เลือกตั้งและการเสนอชื่อของสมาชิกวุฒิสภา
หมวด ๙
สภาแห่งชาติและวุฒิสภา
-----------------
มาตรา ๑๑๖
ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ.
๑๙๙๙) ในกรณีพิเศษสภาแห่งชาติและวุฒิสภาสามารถ
ประชุมร่วมกันในฐานะรัฐสภา(Congress) เพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ
มาตรา ๑๑๗ ใหม่ (แก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙)
ปัญหาสำคัญของชาติตามที่กล่าวถึงในมาตรา
๑๑๖
และการจัดองค์กรและบทบาทหน้าที่ของรัฐสภา ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
หมวด ๑๐
รัฐบาล
-----------------
มาตรา ๑๑๘ ใหม่
(มาตรา ๙๙ เดิม) คณะรัฐมนตรี คือ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
คณะรัฐมนตรี
ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี โดยมี รองนายกรัฐมนตรี เป็น
ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี
มนตรีแห่งรัฐ รัฐมนตรี และเลขาธิการแห่งรัฐ เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๑๙ ใหม่ (มาตรา ๑๐๐ เดิม) พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดจาก
ผู้แทนของพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
ตามคำแนะนำของประธานสภา
แห่งชาติและด้วยความเห็นชอบของรองประธานสภาแห่งชาติ
การแต่งตั้งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งอื่นให้
เลือกจากพรรคการเมืองหรือผู้แทนในสภาแห่งชาติ
จากนั้นให้เสนอรายชื่อต่อสภาแห่งชาติเพื่อให้สภา
แห่งชาติลงมติไว้วางใจก่อนเข้ารับตำแหน่ง
เมื่อสภาแห่งชาติลงมติไว้วางใจแล้ว
พระมหากษัตริย์จะทรงมีพระราชกฤษฎีกาแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
ก่อนเข้ารับหน้าที่คณะรัฐมนตรีจะต้องปฏิญาณตนตามถ้อยคำที่กำหนดไว้ในผนวกแนบท้ายที่
๖
มาตรา ๑๒๐ ใหม่
(มาตรา ๑๐๑ เดิม) รัฐมนตรีจะต้องไม่กระทำกิจกรรมเกี่ยวกับการค้าหรือการ
อุตสาหกรรม
และไม่ดำรงตำแหน่งใดๆ ในราชการ
มาตรา ๑๒๑ ใหม่ (มาตรา ๑๐๒ เดิม) รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในนโยบายของรัฐบาลต่อสภา
แห่งชาติ
รัฐมนตรีแต่ละคนจะรับผิดชอบต่อนายกรัฐมนตรีและสภาแห่งชาติในหน้าที่ความรับผิดชอบของตน
มาตรา ๑๒๒
ใหม่ (มาตรา ๑๐๓ เดิม) รัฐมนตรีต้องไม่อ้างคำสั่ง
ด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร
ของบุคคลใดเพื่อเป็นเหตุให้ตนพ้นจากความรับผิดชอบได้
มาตรา ๑๒๓ ใหม่ (มาตรา ๑๐๔ เดิม) คณะรัฐมนตรีจะมีการประชุมเต็มคณะหรือการประชุม
ปฏิบัติงานทุกสัปดาห์
นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมเต็มคณะ
นายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมปฏิบัติงานได้
ให้เสนอรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีกราบทูลเพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงทราบ
มาตรา ๑๒๔ ใหม่
(มาตรา ๑๐๕ เดิม) นายกรัฐมนตรีมีสิทธิมอบอำนาจให้แก่รองนายกรัฐมนตรี
หรือรัฐมนตรีอื่นได้
มาตรา ๑๒๕ ใหม่
(มาตรา ๑๐๖ เดิม) ในกรณีที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงอย่างถาวร
ให้มีการ
แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
หากเป็นการว่างลงชั่วคราว ให้แต่งตัง
ผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี
มาตรา ๑๒๖ ใหม่ (มาตรา ๑๐๗ เดิม) รัฐมนตรีจะต้องได้รับโทษในการกระทำความผิดอาญา
หรือความผิดลหุโทษในขณะปฏิบัติหน้าที่
ในกรณีดังกล่าวและเมื่อรัฐมนตรีได้กระทำความผิดร้ายแรงในขณะปฏิบัติหน้าที่
สภาแห่งชาติจะต้อง
พิจารณาวินิจฉัยการยื่นฟ้องรัฐมนตรีผู้นั้นต่อศาล
ให้สภาแห่งชาติพิจารณาวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว
โดยการออกเสียงลงคะแนนลับและถือมติเสียงข้างมาก
มาตรา ๑๒๗ ใหม่
(มาตรา ๑๐๘ เดิม) การจัดองค์กรและบทบาทหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีให้
เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
หมวด ๑๑
ศาล
-----------------
มาตรา ๑๒๘ ใหม่ (มาตรา ๑๐๙ เดิม) อำนาจตุลาการเป็นอำนาจอิสระ
การพิจารณาคดีเป็นอำนาจของศาล
ศาลต้องดำเนินการด้วยความยุติธรรม และปกป้องสิทธิและ
เสรีภาพของประชาชน
การพิจารณาคดีให้ครอบคลุมทั้งในศาล
คดีความ และการบริหารจัดการ
อำนาจตุลาการมอบให้กับศาลสูงสุดและศาลในระดับถัดไปในทุกภาคส่วนและทุกระดับ
มาตรา ๑๒๙ ใหม่ (มาตรา ๑๑๐ เดิม) การพิจารณาคดีให้กระทำในนามของประชาชนกัมพูชา
ตามกระบวนการทางกฎหมายและกฎหมายที่ใช้บังคับ
ให้ผู้พิพากษาเป็นผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินคดีความ
ผู้พิพากษาต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
อย่างเคร่งครัด
ตั้งใจ และมีสติ
มาตรา ๑๓๐ ใหม่
(มาตรา ๑๑๑ เดิม) อำนาจศาลต้องไม่มอบให้กับฝ่ายนิติบัญญัติและ
ฝ่ายบริหาร
มาตรา ๑๓๑ ใหม่
(มาตรา ๑๑๒ เดิม) ให้กรมอัยการมีสิทธิในการยื่นฟ้องคดีอาญา
มาตรา ๑๓๒ ใหม่
(มาตรา ๑๑๓ เดิม) พระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักประกันในความเป็นอิสระ
ของศาลยุติธรรม
คณะกรรมการตุลาการสูงสุดเป็นผู้สนับสนุนพระมหากษัตริย์ในเรื่องดังกล่าว
มาตรา ๑๓๓ ใหม่ (มาตรา ๑๑๔ เดิม) ผู้พิพากษาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งมิได้
ทังนี
คณะกรรมการตุลาการสูงสุดจะดำเนินการทางวินัยกับผู้พิพากษาที่บกพร่องต่อหน้าที่
มาตรา ๑๓๔ ใหม่
(มาตรา ๑๑๕ เดิม) พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานคณะกรรมการตุลาการ
สูงสุด
พระมหากษัตริย์อาจแต่งตั้งผู้แทนพระองค์ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการตุลาการ
สูงสุดแทนได้
คณะกรรมการตุลาการสูงสุดจะถวายคำแนะนำแก่พระมหากษัตริย์ในการแต่งตั้งผู้พิพากษาและอัยการ
ประจำทุกศาล
คณะกรรมการตุลาการสูงสุดประชุมร่วมกับประธานศาลสูงสุดหรืออัยการศาลสูงสุดเพื่อพิจารณา
ระเบียบวิธีปฏิบัติของผู้พิพากษาและอัยการ
มาตรา ๑๓๕ ใหม่
(มาตรา ๑๑๖ เดิม) ข้อบังคับของผู้พิพากษาและอัยการและบทบาทหน้าที่ของ
ศาล
ให้กำหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะ
หมวด ๑๒
คณะกรรมการรัฐธรรมนูญ
-----------------
มาตรา ๑๓๖ ใหม่
(มาตรา ๑๑๗ เดิม และแก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙) คณะกรรมการ
รัฐธรรมนูญมีหน้าที่ให้การคุ้มครองเกี่ยวกับการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
และตีความรัฐธรรมนูญและ
กฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติและวุฒิสภาได้พิจารณาทบทวนอย่างสมบูรณ์แล้ว
คณะกรรมการรัฐธรรมนูญมีสิทธิในการรับและพิจารณาวินิจฉัยข้อพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิก
สภาแห่งชาติและการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
มาตรา ๑๓๗ ใหม่ (มาตรา ๑๑๘ เดิม) คณะกรรมการรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกจำนวน
เก้าคน
มีวาระการดำรงตำแหน่งเก้าปี กรรมการจำนวนหนึ่งในสามจะต้องพ้นจากตำแหน่งและได้รับ
การสรรหาใหม่ทุกสามปี
โดยกรรมการสามคนได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์ กรรมการสาม
คนได้รับการแต่งตั้งจากสภาแห่งชาติ
และกรรมการอีกสามคนได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ
ตุลาการสูงสุด
ประธานคณะกรรมการรัฐธรรมนูญได้รับเลือกตั้งจากคณะกรรมการรัฐธรรมนูญ
ในกรณีที่มีคะแนน
เสียงเท่ากัน
ให้ประธานคณะกรรมการรัฐธรรมนูญเป็นผู้ลงคะแนนเสียงชี้ขาด
มาตรา ๑๓๘ ใหม่ (มาตรา ๑๑๙ เดิม) กรรมการรัฐธรรมนูญจะคัดเลือกมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่
สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาทางด้านกฎหมาย
ด้านการบริหาร ด้านการการทูต หรือด้านเศรษฐศาสตร์
และเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน
มาตรา ๑๓๙ ใหม่ (มาตรา ๑๒๐ เดิม และแก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙) คณะกรรมการ
รัฐธรรมนูญต้องไม่ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา
สมาชิกสภาแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี ผู้พิพากษา ผู้
ดำรงตำแหน่งในองค์กรของรัฐ
หัวหน้าหรือรองหัวหน้าพรรคการเมือง หัวหน้าหรือรองหัวหน้า
สหภาพหรือสมาคม
มาตรา ๑๔๐ ใหม่ (มาตรา ๑๒๑ เดิม และแก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙) พระมหากษัตริย์
นายกรัฐมนตรี
ประธานสภาแห่งชาติ สมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนหนึ่งในสิบของสมาชิกสภาแห่งชาติ
ประธานวุฒิสภา
หรือสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่งในสี่ของสมาชิกวุฒิสภา อาจส่งร่างกฎหมายที่สภา
แห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้วให้คณะกรรมการรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อนประกาศใช้บังคับได้
ข้อบังคับสภาแห่งชาติ
ข้อบังคับวุฒิสภา และกฎหมายเกี่ยวกับการจัดองค์กรอื่น ๆ ให้เสนอต่อ
คณะกรรมการรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาก่อนการประกาศใช้
คณะกรรมการรัฐธรรมนูญจะต้อง
พิจารณาร่างกฎหมายและข้อบังคับดังกล่าวข้างต้น
เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จ
ภายในระยะเวลาสามสิบวัน
มาตรา ๑๔๑ ใหม่
(มาตรา ๑๒๒ เดิม และแก้ไขมีนาคม ค.ศ. ๑๙๙๙) เมื่อได้มีการประกาศใช้
เป็นกฎหมายแล้ว
พระมหากษัตริย์ ประธานวุฒิสภา ประธานสภาแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี สมาชิก
วุฒิสภาจำนวนหนึ่งในสี่
สมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนหนึ่งในสิบ หรือศาลอาจร้องขอให้คณะกรรมการ
รัฐธรรมนูญพิจารณาทบทวนความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญของกฎหมายนั้นได้
มาตรา ๑๔๒ ใหม่
(มาตรา ๑๒๓ เดิม) บทบัญญัติในมาตราใดที่คณะกรรมการรัฐธรรมนูญ
พิจารณาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
จะประกาศหรือนำไปใช้บังคับมิได้
การพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นอันสิ้นสุด
มาตรา ๑๔๓ ใหม่
(มาตรา ๑๒๔ เดิม) พระมหากษัตริย์จะทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อเสนอขอ
แก้ไขเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๑๔๔ ใหม่
(มาตรา ๑๒๕ เดิม) ให้การจัดองค์กรและการดำเนินงานของคณะกรรมการ
รัฐธรรมนูญ
เป็นไปตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกำหนด
หมวด ๑๓
การบริหารราชการ
-----------------
มาตรา ๑๔๕ ใหม่ (มาตรา ๑๒๖ เดิม) ดินแดนของราชอาณาจักรกัมพูชาแบ่งออกเป็นจังหวัดและ
นคร
เขตพื้นที่แต่ละจังหวัดแบ่งเป็นอำเภอ
และพื้นที่แต่ละอำเภอแบ่งเป็นตำบล
เขตพื้นที่แต่ละนครแบ่งเป็นเขต
และเขตพื้นที่แต่ละเขตแบ่งเป็นแขวง
มาตรา ๑๔๖ ใหม่ (มาตรา ๑๒๗ เดิม) การปกครองจังหวัด นคร ๑ อำเภอ เขต และแขวง
ให้
เป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
๒
หมวด ๑๔
รัฐสภา
-----------------
มาตรา ๑๔๗ ใหม่
(มาตรา ๑๒๘ เดิม) รัฐสภาจะต้องแจ้งเรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ
รวมทั้ง
การยกประเด็นปัญหาและคำร้องขอให้เจ้าหนาที่รัฐแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ทราบโดยตรง
ประชาชนกัมพูชาชายและหญิงมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมรัฐสภา
มาตรา ๑๔๘
ใหม่ (มาตรา ๑๒๙ เดิม) นายกรัฐมนตรีจะเรียกประชุมรัฐสภาปี
ละหนึ่งครังในช่วง
ต้นเดือนธันวาคมในการประชุมรัฐสภา
พระมหากษัตริย์จะเสด็จมาเป็นองค์ประธานในการประชุม
รัฐสภา
มาตรา ๑๔๙ ใหม่ (มาตรา ๑๓๐ เดิม) รัฐสภาต้องให้ความเห็นชอบข้อเสนอแนะของวุฒิสภาและ
สภาแห่งชาติต่อฝ่ายบริหาร
การจัดการองค์กรและการบริหารงานของรัฐสภาให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
หมวด ๑๕
การบังคับใช้ การปรับปรุง
และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
-----------------
มาตรา ๑๕๐ ใหม่
(มาตรา ๑๓๑ เดิม) รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของราชอาณาจักรกัมพูชา
กฎหมายและคำวินิจฉัยของสถาบันของรัฐ
จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัด
๑
รายชื่อจังหวัดและนคร โปรดดูรายละเอียดที่หน้า ๗๙
๒
ภาษาเขมร
phum
หมายถึง หมู่บ้าน
khum
หมายถึง ตำบล
srok
หมายถึง อำเภอ
ซึ่ง
๓ คำนี้ เป็นการแบ่งเขตการปกครองที่ใช้เรียกพื้น ที่ในเขตจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่กรุงพนมเปญหรือเขตนคร
sangkat
คือ เขตการปกครองเฉพาะในพื้น ที่กรุงพนมเปญและนครอีก ๓ แห่ง หมายถึง
แขวง
khan
คือ เขตการปกครองเฉพาะในพื้น ที่กรุงพนมเปญและนครอีก ๓ แห่ง หมายถึง
เขต
มาตรา ๑๕๑ ใหม่
(มาตรา ๑๓๒ เดิม) พระมหากษัตริย์ นายกรัฐมนตรี และประธานสภาแห่งชาติ
โดยการเสนอแนะของสมาชิกสภาแห่งชาติจำนวนหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
มีอำนาจในการ
เสนอให้มีการทบทวนหรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
มติที่เห็นชอบให้ทบทวนหรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
ต้องได้รับคะแนนเสียงข้างมากจำนวนสองใน
ห้าของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด
มาตรา ๑๕๒ ใหม่
(มาตรา ๑๓๓) ในระหว่างที่ประเทศอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ห้ามมิให้มีการ
ทบทวนหรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
มาตรา ๑๕๓ ใหม่
(มาตรา ๑๓๕ เดิม) การทบทวนหรือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลกระทบ
ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีและพหุนิยม
และแบบมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้
รัฐธรรมนูญ
จะกระทำมิได้
หมวด ๑๖
บทเฉพาะกาล
-----------------
มาตรา ๑๕๔
ใหม่ (มาตรา ๑๓๕ เดิม) ภายหลังจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ผ่านความเห็นชอบ
พระมหากษัตริย์จะทรงประกาศให้รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับอย่างสมบูรณ์โดยทันที
มาตรา ๑๕๕ ใหม่
(มาตรา ๑๓๖ เดิม) ภายหลังรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ
เปลี่ยนเป็นสภาแห่งชาติ
ให้ข้อบังคับสภาแห่งชาติมีผลบังคับใช้ภายหลังได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติ
ในกรณีที่สภาแห่งชาติยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้ประธานและรองประธานคนที่หนึ่งและคนที่
สองของสภาร่างรัฐธรรมนูญเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ในสภาราชบัลลังก์
หากเกิดสถานการณ์ขึ้นในประเทศ
มาตรา ๑๕๖ ใหม่
(มาตรา ๑๓๗ เดิม) ภายหลังรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ พระมหากษัตริย์จะ
ได้รับการเลือกให้ขึ้นครองราชย์
ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๓ (ใหม่) และมาตรา
๑๔
มาตรา๑๕๗ ใหม่
(มาตรา ๑๓๘ เดิม) ภายหลังรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ และในระหว่างสภา
แห่งชาติชุดแรก
ให้พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง
และนายกรัฐมนตรีคนที่สองขึ้นเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
โดยความเห็นชอบของประธานและรองประธาน
สภาแห่งชาติทั้งสองคน
ก่อนการให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญร่วมเข้าร่วมเป็น
กรรมาธิการในคณะกรรมาธิการปฏิบัติหน้าที่แทนประมุขของรัฐในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
และในสภาราชบัลลังก์
ตามที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา ๑๑ และ มาตรา ๑๓
ให้วุฒิสภาชุดแรกมีวาระห้าปี
และให้สิ้นสุดวาระเมื่อวุฒิสภาชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในวาระแรกของ
วุฒิสภา :
-
ให้มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหกสิบเอ็ดคน
-
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวนสองคน รวมทั้ง
ประธานวุฒิสภา
รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง
-
พระมหากษัตริย์ โดยการเสนอของประธานวุฒิสภาและประธานสภา
แห่งชาติจะแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา
อื่นจากสมาชิกของพรรคการเมือง
ที่ได้รับเลือกตั้งในสภาแห่งชาติ
การประชุมร่วมระหว่างสภาแห่งชาติและวุฒิสภาให้ประธานทั้งสองสภาเป็นผู้ทำหน้าที่
มาตรา ๑๕๘ ใหม่ (มาตรา ๑๓๙ เดิม) กฎหมายและเอกสารรับรองในกัมพูชาที่คุ้มครอง
ทรัพย์สิน
สิทธิ เสรีภาพ และทรัพย์สินส่วนบุคคลตามกฎหมาย และสอดคล้องกับผลประโยชน์ของ
ชาติ
จะยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีการแก้ไขหรือยกเลิกโดยกฎหมายหรือเอกสารรับรองฉบับ
ใหม่
ทั้งนี้ เว้นแต่บทบัญญัตินั้นขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับการรับรองโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ณ กรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน
ค.ศ.
๑๙๙๓ ในสมัยประชุมครั้งที่ ๒
กรุงพนมเปญ วันที่ ๒๑
กันยายน ๑๙๙๓
นายซอน แซน
ประธานสภารัฐธรรมนูญ
วันที่ ๒๑ กันยายน ๑๙๙๓
รัฐธรรมนูญฉบับนีได้รับการรับรองโดยสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
เมือวันที ๔ มีนาคม
๑๙๙๙
ในการประชุมสภาแห่งชาติ ครัง ที ๒ กรุงพนมเปญ วันที ๖ มีนาคม ๑๙๙๙
นโรดม รณฤทธิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น