นักปรัชญายุคกรีกที่สำคัญ
ยุคกรีก
การศึกษารัฐศาสตร์รุ่งเรืองอย่างมาก เน้นความสำคัญของศีลธรรม พยายามทำรัฐให้เป็นอุดมคติ นับเป็นรากฐานสำคัญของรัฐศาสตร์อย่างแท้จริง ปัจจุบันเรายกย่องให้ เพลโต เป็นบิดาของปรัชญาการเมือง และ อริสโตเติลเป็นบิดาของวิชารัฐศาสตร์
โซคราติส (Socretis) ความรู้ คือ คุณธรรม
พ.ศ.73 - 144 เกิดที่เอเธนส์ คิดว่าความรู้เรื่องปฐมธาตุ โลกหรือกำเนิดจักรวาลมีประโยชน์น้อยมาก ความรู้ควรเกี่ยวกับมนุษย์และหน้าที่มนุษย์ เพราะมนุษย์สามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับปรุงชีวิตให้ดีขึ้น การค้นคว้าปรัชญามีจุดมุ่งหมายมากกว่าที่การปฎิบัติมากกว่าการสร้างทฤษฏี ทางอภิปรัชญา เหตุผลเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้ เหตุผลช่วยให้ค้นหามโนภาพ ความรู้เป็นมโนภาพ มโนภาพคือความรู้จักสิ่งสากล
วิธีการของโซคราติส เป็นศิลปะการสนทนาได้เเก่ 1 สงสัย (sceptical) 2 สนทนา(conversational) 3 หาคำจำกัดความ (defination) 4 อุปนัย (inductiive) 5 นิรนัย (deductiive)
อริสโตเติลกล่าวว่า "คนที่มือถึอสาก ปากถือศีล ( Hypocite) คนมากด้วยกิเลสตัณหาเป็นพวกแพ้จิตใจที่ต่ำ" กรีกมีนักปรัชญาสำคัญที่สุดคือพลาโตและอริสโตเติล
เพลโต (Plato) โลกแห่งผัสสะกับโลกแห่งมโนคติ
พ.ศ. 116 – 196 ชื่อเดิมคืออริสโตเคลอส์ (Aristocles) พลโตเป็นนักปรัชญาตะวันตกคนแรกที่สอนปรัชญาอย่างมีระบบ พลาโตกล่าวว่าความรู้ระดับผัสสะหรือสัญชานไม่ใช่ความรู้เป็นเพียงทัศนะ แต่ละคนให้ความรู้ไม่ตรงกันและสัญชานไม่ช่วยให้คนเราพบความจริงแท้ ความรู้แท้จริงได้จากเหตุผล ความรู้หมายถึงการค้นพบมโนคติ(Idea) โสเครติสกล่าว่า ความรู้หมายถึงการค้นพบมโนภาพ(Concept) พลาโตกล่าวว่า คนค้นพบมโนคติโดยการคิดแบบวิภาษวิธี จิตมีวิธีทำวิภาษวิธี ที่อธิบายด้วยเส้นแบ่ง
"อภิปรัชญาของเพลโตเป็นเรื่องเกี่ยวกับทฤษฏีแห่งมโนคติ และจักรวาลวิทยา ทฤษฎีแห่งมโนคติหรือแบบของเพลโตนับเป็นการค้นพบปรัชญาที่สำคัญของเพลโต ทฤษฎีเสนอแก่นแท้หรือสาระของสรรพสิ่งต่างจากปฐมภูมิธาตุของปรัชญากรีกสมัยนั้น"
อริสโตเติล ( Aristotle ) มนุษย์เป็นสัตว์การเมือง
พ.ศ. 160 - 222 คำสอนที่น่าสนใจของอริสโตเติลได้แก่ ความเชื่อที่ว่าโลกเรานี้ประกอบด้วยธาตุต่างๆ 4 ธาตุ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ ในเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลนั้นอริสโตเติลเข้าใจว่า โลกเราเป็นศูนย์กลางของจักรวาลโดยมีดวงดาวต่าง ๆ รวมทั้งดวงอาทิตย์โคจรรอบ ๆ สวรรค์นั้นอยู่นอกอวกาศ โลกอยู่ด้านล่างลงมา น้ำอยู่บนพื้นโลก ลมอยู่เหนือน้ำ และไฟอยู่เหนือลมอีกทีหนึ่ง ธาตุต่าง ๆ ของโลกจะเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่ทว่าธาตุที่ประกอบเป็นสวรรค์นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงจะมีรูปร่างเช่นนั้นตลอดไป ซึ่งคำสอนต่อมาในปี ค.ศ. 1609 โจฮันน์ เคปเลอร์ (Johann Kepler) ได้ตั้งกฏของเคปเลอร์ ซึ่งเป็นการประกาศว่า โลกเราโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี เป็นการลบล้างความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลของอริสโตเติล และในอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ กรณีของวัตถุสองอย่างที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน จะตกลงถึงพื้นไม่พร้อมกันตามหลักของอริสโตเติล ซึ่งกาลิเลโอ ได้ทำการพิสูจน์ต่อหน้าสาธารณชนที่หอเอนแห่งปิซาว่าเป็นคำสอนที่ไม่จริงในปี ค.ศ. 1600
แต่อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีของอริสโตเติลทางด้านชีววิทยานั้นเป็นที่ยกย่องกันมาก เพราะเขาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของสัตว์ต่างๆ เช่น ปลา และพวกสัตว์เลื้อยคลานและได้ทำการบันทึกไว้อย่างละเอียดมาก เขาได้แบ่งสัตว์ออกเป็น 2 พวกใหญ่ คือ พวกมีกระดูกสันหลัง (Vertebrates) และพวกไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrates) นับว่าอริสโตเติลเป็นผู้บุกเบิกความรู้ทางด้านนี้จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักธรรมชาติวิทยาคนแรกของโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น