วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรื่องที่ 3 วิวัฒนาการลัทธิการเมือง



วิวัฒนาการลัทธิการเมือง


เพลโต  (427 ปีก่อนคริสตกาล)
- ราชาธิปไตย  ทรราษฎร์, ทุชนาธิปไตย
- อภิชนาธิปไตย -  คณาธิปไตย
- ประชาธิปไตย  - ฝูงชน


อริสโตเติล (384 ปีก่อนคริสตกาล)
- ราชาธิปไตย  ทรราษฎร์, ทุชนาธิปไตย
- อภิชนาธิปไตย -  คณาธิปไตย
- โพลิตี - ฝูงชน
- ประชาธิปไตย  - ฝูงชน

โธมัส ฮอบส์ (ศตวรรษที่ 16)
- ราชาธิปไตย (สัญญาประชาคม)


จอห์น ล็อค  (กลางศตวรรษที่ 16)
- ประชาธิปไตย  (สัญญาประชาคม)
- อำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ เป็นของประชาชน
- อธิปไตยทั้ง ๓ ส่วนนี้คานอำนาจซึ่งกันและกัน


            ศตวรรษที่ 17 ลัทธิสุขวาทนิยม หรือสุขนิยม โดยเจเรมี เบนธัม



            ศตวรรษที่ 18 ลัทธิเสรีนิยม เน้นหลักการ
-          เสรีภาพส่วนบุคคล
-          การค้าเสรี หรือเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ
ทำให้เกิดผล
1.      เศรษฐกิจรุ่งเรือง
2.      กำไรเป็นของนายทุน
3.      กรรมกรทำงานหนัก รายได้น้อย
4.      ไม่มีสวัสดิการจากนายจ้าง
5.      มีการใช้แรงงานเด็ก
6.      ทรัพย์สินอยู่ในมือเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ
7.      เกิดแนวคิดสังคมนิยม เน้นสวัสดิการสังคมทั่วไป และเน้นทรัพย์สินที่เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจให้เป็นของรัฐ


            ลัทธิสังคมนิยม (ต้นศตวรรษที่ 18) ศัพท์สังคมนิยมหรือโซเซียลิสต์เริ่มนำมาใช้ประมาณปี ค.ศ. 1830 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 ในระยะเริ่มแรก โซเซียลิสต์ หมายถึง คำสอนหรือทฤษฎีของรอเบิร์ต โอเว่น(Robert Owen) สำหรับในประเทศฝรั่งเศสศัพท์นี้หมายถึงคำสอนของฟูริเย (Fourier) และแซงต์ - ซิม็อง


ลัทธิประชาธิปไตยเจริญสุดขีด (ปลายศตวรรษที่  18  ต้นศตวรรษที่ 19)



ลัทธิคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยมแนวคาร์ล มาร์กซ์ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918)


ลัทธิฟาสซิสม์ (Fascism) โดยมุสโสลินี อิตาลี (ค.ศ. 1922)



ลัทธิชาตินิยมญี่ปุ่น (ค.ศ. 1930)



ลัทธินาซี โดยฮิตเลอร์ เยอรมันนี (ค.ศ. 1933)



หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1950) เกิดลัทธิการปกครอง 2 ลัทธิ


1. ประชาธิปไตย
                        ลัทธิทุนนิยม ลัทธิทุนนิยม ได้แก่
1.      ระบบเศรษฐกิจเสรี
2.      เอกชนประกอบการ
3.      รัฐไม่ดำเนินการเอง ปล่อยให้เอกชนแข่งขันโดยเสรี

สมมุติฐานของลัทธิทุนนิยม
-          ให้มีการแข่งขันโดยเสรี
-          เศรษฐกิจก้าวหน้าเพราะต่างมุ่งกำไร
-          เอกชนประกอบการย่อมขยันและกระตือรือร้น
-          แข่งขันในการผลิตและจำหน่ายสินค้า ราคาจะไม่แพง คุณภาพย่อมจะดี
สภาพตามเป็นจริงที่เกิดขึ้น
-          ก่อให้เกิดการผูกขาดโดยกลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ ใช้เงินลงทุนสูง ไม่มีการแข่งขัน กลายเป็นการผูกขาด สามารถกำหนดราคาที่ต้องการได้
-          ในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีการแข่งขันสูง ทำให้มีการลดราคา สินค้าจะมีคุณภาพต่ำ
-          รัฐไม่เข้าไปควบคุม ปล่อยให้มีการประกอบการโดยเสรี จะทำให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสเข้าเปรียบผู้บริโภค


2. ยุคทุนนิยม
-    ทุนนิยมการค้า เน้นติดต่อค้าขายโดยเอกชน
-    ทุนนิยมอุตสาหกรรม มีนายทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีกิจการต่างๆ ที่เป็นระบบอุตสาหกรรม
-     ทุนนิยมทางการเงิน นายทุนคือธนาคารปล่อยเงินกู้เพื่อการลงทุน ในทางการค้าและอุตสาหกรรม มีความสำคัญและจำเป็นต่อระบบทุนนิยม

3. สังคมนิยมคอมมิวนิสต์แนวคาร์ล มาร์กซ์
          - แพร่หลายในประเทศที่ยังไม่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เช่น จีน และโซเวียต
            - อุดมการณ์คอมมิวนิสต์แพร่หลายในประเทศที่ไม่มีประสบการณ์ในการปกครองแบบประชาธิปไตย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น